Book,Page,LineNumber,Text
20,0035,001,สันดานให้เร่าร้อน และได้ทุกข์เมื่อปลายมือเช่นนี้ เปรียบเหมือนไฟ
20,0035,002,ไหม้เผาผลาญเหย้าเรือนให้มอดแล้วและดับไป เหลือถ่านเถ้าไว้เป็น
20,0035,003,รอยเครื่องหมายฉะนั้น. ความเข้าถือเป็นเจ้าของสังขาร เป็นเหตุเกิด
20,0035,004,ทุกข์เพิ่มขึ้นอีกกว่าธรรมดาฉะนี้ สมด้วยพระพุทธภาษิตว่า ภารา
20,0035,005,หเว ปญฺจกฺขนฺธา เบญจขันธ์เป็นดุจภาระ คือของที่หนัก ภารหาโร
20,0035,006,จ ปุคฺคโล และกิริยาที่ถือเบญจขันธ์ว่าเป็นสัตว์เป็นบุคคล เป็นดุจ
20,0035,007,แบกภาระนำไป ภาราทานํ ทุกฺขํ โลเก กิริยาที่แบกภาระเช่นนั้น
20,0035,008,เป็นทุกข์ในโลก ภารนิกฺเขปนํ สุขํ กิริยาที่วางของหนักลงเสีย
20,0035,009,เป็นสุข นิกฺขิปิตฺวา ครุํ ภารํ ท่านผู้วางภาระอันหนักนั้นเสีย อญฺํ
20,0035,010,ภารํ อนาทิย ไม่ถือเอาภาระอันอื่น สมูตํ ตณฺหํ อพฺพุยฺห ถอน
20,0035,011,ตัณหากับทั้งอวิชชาที่เป็นมูลรากเสียแล้ว นิจฺฉาโต ปรินิพฺพุโต
20,0035,012,สิ้นความทะยานออก ดับความกระวนกระวายเสียสิ้นแล้ว ดังนี้
20,0035,013,อุปาทินนกสังขารเป็นทุกข์โดยธรรมดา และเป็นทุกข์เพิ่มขึ้นเพราะ
20,0035,014,การถือ ด้วยประการฉะนี้.
20,0035,015,แม้แต่อนุปาทินนกสังขาร ก็ยังเป็นภาระที่จะต้องบริหารรักษา
20,0035,016,เหมือนกัน เช่นเหย้าเรือน ถ้าผู้เข้าอยู่เพิกเฉยไม่คอยดูแลรักษาอย่า
20,0035,017,ให้ชำรุด และไม่ซ่อมแซมของที่ชำรุดไปแล้ว เหย้าเรือนนั้นจะรั่วร้ำ
20,0035,018,ทรุดโทรมหักพังไป ไม่เป็นที่อยู่อาศัยได้.
20,0035,019,การที่พรรณนามานี้ มิใช่จะทับถมสังขารให้เห็นเป็นแต่ทุกข์
20,0035,020,ไม่มีสุขเลยก็หาไม่ สุขโสมนัสอันใดอาศัยสังขารเกิดขึ้น นั้นเป็น
20,0035,021,อัสสาทะความสำราญเกิดแต่สังขาร ทุกขโทมนัสอันใดอาศัยสังขาร