Book,Page,LineNumber,Text 12,0017,001,ไป ย่อมไม่ได้ความ อุ. นตฺถิ เต โกจิ อาปุจฺฉิพฺพยุตฺตโก 12,0017,002,าติ [ จกฺขุปาลตฺเถร . ๑/๖ ] แปลตามลำดับบทว่า ' ไม่มี ท่านไร ๆ 12,0017,003,ผู้ควรอำลา ญาติ' แปลอย่างนี้ไม่ได้ความ. เมื่อเป็นเช่นนี้ จำต้อง 12,0017,004,อาศัยสัมพันธ์ คือให้รู้ว่าบทไหนเข้ากับบทไหน โดยเนื่องกันอย่างไร 12,0017,005,เช่นในพากย์นี้ จำต้องรู้สัมพันธ์ว่า าติ เป็น กัตตา ใน นตฺถิ ๆ 12,0017,006,เป็นกิริยาของ าติ. เต เนื่องด้วยเป็นเจ้าของใน าติ โกจิ และ 12,0017,007,อาปุจฺฉิตพฺพยุตฺตโก เป็นวิเสสนะของ าติ. เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว จึงจะ 12,0017,008,เข้าใจความและแปลได้ถูกว่า ญาติไร ๆ ผู้ควรอำลาของท่านไม่มีหรือ' 12,0017,009,ดังนี้ การรู้สัมพันธ์มีประโยชน์ในการแปลงหนังสืออย่างนี้. 12,0017,010,แต่บางประโยค เรียงคำพูดเหมือนตามลำดับคำที่ ๑-๒ ดัง 12,0017,011,ภาษาไทย อุ. กนิฏฺ€ภาตา เม อตฺถิ ภนฺเต [ จกฺขุปาลตฺเถร. 12,0017,012,๑/๖ ] แปลว่า 'นับชายของข้าพระองค์มีอยู่พระเจ้าข้า' นี้หาได้ 12,0017,013,เรียงตามวิธีภาษาไทยไม่ แต่เรียงตามวิธีภาษาบาลีดังกล่าวมาแล้ว 12,0017,014,นั้นเอง แต่บังเอิญไปคล้ายกับวิธีเรียงในภาษาไทยเข้าเท่านั้น. 12,0017,015,สัมพันธ์ 12,0017,016,[ ๓ ] ความเนื่องกันแห่งบทหนึ่งกับอีกบทหนึ่ง หรือความเข้า 12,0017,017,กันแห่งบทหนึ่งกับอีกบทหนึ่ง เรียกว่าสัมพันธ์ การเรียนกำหนดพากย์ 12,0017,018,ที่เรียงไว้แล้ว เช่น ใน ธัมมปทัฏฐกถา เป็นต้น ให้รู้ว่าบทไหน 12,0017,019,เนื่องหรือเข้ากับบทไหน เรียกว่าเรียนสัมพันธ์. 12,0017,020,การเรียนสัมพันธ์นั้น เมื่อกล่าวถึงหัวข้อใหญ่ ๆ ที่พึงเรียน 12,0017,021,"ก็มีดังนี้ คือ อรรถ, ชื่อสัมพันธ์, การเข้าสัมพันธ์, วิธีสัมพันธ์."