Text
stringlengths 73
3.94k
|
---|
เมนูอบรมปล่อยแถว
การอบรมปล่อยแถว เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมายไม่จำเป็นต้องลงชื่อเข้าเวร แต่ต้องดำเนินการอบรมปล่อยแถวตามเวลาผลัดตรวจที่กำหนดไว้ใน Web Police 4.0 ทั้งนี้ การอบรมปล่อยแถวต้องดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด (0-30 นาที ก่อนถึงเวลาผลัดตรวจ)
ตัวอย่าง: ผลัดตรวจที่ 1 เวลา 08:00 - 16:00 น. สามารถอบรมปล่อยแถวได้ในช่วงเวลา 07:30 - 08:00 น. |
แผนการตรวจ ป. 4 ตย.2
แผนการตรวจ ป. 4 ตย.2 ไม่มีอยู่ในระบบ Web Police 4.0 |
การตรวจจุดตรวจสัมพันธ์
การตรวจจุดตรวจสัมพันธ์ หมายถึง การตรวจที่มีเจ้าหน้าที่สายตรวจ 2 นาย ซึ่งมาจากประเภทสายตรวจที่แตกต่างกัน มาตรวจจุดเดียวกัน
วิธีการตรวจ:
1. กำหนดชนิดจุดตรวจที่หน้า Web Police 4.0 ให้เป็น "จุดตรวจสัมพันธ์"
2. เจ้าหน้าที่สายตรวจทั้ง 2 นาย ต้องลงชื่อเข้าเวรแยกตามประเภทสายตรวจ
3. ทำการตรวจผ่านเมนู Redbox ตรวจจุดตรวจสัมพันธ์ โดยต้องดำเนินการตรวจพร้อมกันภายในเวลา 5 นาที |
เงื่อนไขการตรวจให้ขึ้นในรายงานขับเคลื่อนหน้าที่ของตำแหน่ง ผู้กำกับการ, รองผู้กำกับการ, สารวัตรป้องกันปราบปราม
- ตรวจตู้บังคับ
เลือกรหัสสายตรวจที่กำหนด (ตัวอย่าง: ผกก เลือกรหัส 1)
ประเภทการตรวจ: ผู้บังคับบัญชางานป้องกันปราบปราม
ตรวจตู้แดงในเขตของสายตรวจหลัก (รถยนต์, รถจักรยานยนต์) จำนวน 7 จุด ครอบคลุมทุกเขต ใช้เวลา 1.30 - 6 ชั่วโมง
- ตรวจจุดเสี่ยง
เลือกรหัสสายตรวจที่กำหนด (ตัวอย่าง: ผกก เลือกรหัส 1)
ประเภทการตรวจ: นายตำรวจตรวจท้องที่
ตรวจตู้แดงในเขตพื้นที่ 7 จุด โดยจุดที่ 6 ตรวจหลัง 1.30 ชั่วโมง และจุดที่ 7 ต้องไม่เกิน 6 ชั่วโมง |
การตรวจตู้แดง QR-Code
การตรวจตู้แดง QR-Code เป็นการตรวจจุดตรวจที่ต้องสร้างจุดตรวจ QR-Code ไว้ใน Web Police 4.0 โดยมีขั้นตอนดังนี้:
1. เข้าไปที่เมนู สายตรวจ -> จุดตรวจ
2. กรอกข้อมูลจุดตรวจและพิกัดของสถานที่ที่จะติดตั้ง QR-Code
3. เมื่อสร้างจุดตรวจเรียบร้อยแล้ว ให้พิมพ์ QR-Code ออกมาเพื่อนำไปติดตั้งยังสถานที่ต่าง ๆ
4. ใช้แอปพลิเคชัน Police 4.0 (เมนู Redbox) ในการออกตรวจและสแกน QR-Code
5. ระบบจะตรวจสอบพิกัด GPS โดยเจ้าหน้าที่ต้องอยู่ไม่ห่างจากจุดตรวจเกิน 100 เมตร
6. เมื่อสแกน QR-Code เสร็จสิ้น ให้กดเข้าไปที่จุดตรวจอีกครั้ง ระบบจะมีเวลานับถอยหลัง
7. เมื่อเวลาครบ ให้กดปุ่ม "ยืนยันจุดตรวจ"
ปัญหาที่อาจพบ:
-สแกน QR-Code ไม่ได้:
ให้ตรวจสอบการพิมพ์ QR-Code หากพื้นที่รอบ ๆ มีโทนสีที่เข้ม อาจทำให้ระบบ Android ไม่สามารถอ่านได้ ให้เข้าไปที่หน้า Web Police 4.0 -> เมนู สายตรวจ -> จุดตรวจ ค้นหาจุดที่สแกนไม่ได้ กดปุ่ม "บันทึก" หนึ่งครั้งเพื่ออัปเดตข้อมูลจุดตรวจ จากนั้นพิมพ์ QR-Code ใหม่และนำไปติดตั้งอีกครั้ง
-ยืนยันจุดตรวจไม่ได้
การตรวจตู้แดงจะต้องทำการยืนยันจุดตรวจทุกจุดหากไม่ทำการยืนยันจุดตรวจผลการปฏิบัติของจุดนั้นจะไม่แสดงในรายงาน
หากรอจนครบเวลาแล้วขึ้นข้อความว่าหมดเวลายืนยันจุดตรวจ ให้ตรวจสอบที่หน้าลงชื่อเข้าเวรว่าเจ้าหน้าที่ยืนยันจุดตรวจนอกเวลาผลัดตรวจหรือไม่ หากตรวจสอบแล้วพบว่านอกเวลาผลัดตรวจตรวจ ให้ทำการลงชื่อออกเวรแล้วลงชื่อเข้าเวรตามเวลาที่ถูกต้องแล้วสแกนตรวจอีกครั้ง เมื่อรอจนครบเวลาจะมีปุ่มให้กดยืนยันจุดตรวจ
อีกกรณีที่ขึ้นหมดเวลายืนยันจุดตรวจ คือ เจ้าหน้าที่ตั้งเวลาผลัดตรวจตรวจใน web police4.0 เป็น 08.00-08.00 เจ้าหน้าที่จะต้องแก้ไขเป็น 08.00-07.59 แทน หลังจากแก้ไขเรียบร้อย ให้ทำการลงชื่อออกเวรแล้วลงชื่อเข้าเวรตามเวลาที่ถูกต้องแล้วสแกนตรวจอีกครั้ง เมื่อรอจนครบเวลาจะมีปุ่มให้กดยืนยันจุดตรวจ
-ปัญหา GPS:
หากพบว่าพิกัดไม่ตรงกับตำแหน่งปัจจุบัน ให้กดปุ่มสามเหลี่ยมบนแผนที่ 2-3 ครั้งเพื่อดึงพิกัด หากยังไม่ตรงให้ตรวจสอบผ่าน Google Maps หรือปิด-เปิด GPS ใหม่ |
จุดก้าวสกัดจับ
จุดก้าวสกัดจับเป็นประเภทจุดตรวจที่สร้างขึ้นใน Web Police 4.0
1. เข้าไปที่เมนู สายตรวจ -> จุดตรวจ
2. เลือกประเภทจุดตรวจเป็น จุดก้าวสกัดจับ |
บุคคลพ้นโทษ
การเพิ่มข้อมูลบุคคลพ้นโทษสามารถดำเนินการได้ผ่านเมนู บุคคลพ้นโทษ -> รายการทะเบียนบุคคลพ้นโทษ
ปัญหาที่อาจพบ:
1. ตรวจสอบวันที่พ้นโทษ: หากวันที่พ้นโทษเกิน 1 ปี หรือเป็นวันที่ในอนาคต รายชื่อบุคคลพ้นโทษจะไม่แสดงในรายงานตรวจเยี่ยม
2. ตรวจสอบสถานะการจำหน่าย: หากบุคคลพ้นโทษไม่ได้กลับไปจำคุกหรือไม่ได้เสียชีวิต ไม่ต้องระบุสถานะใด ๆ ในหัวข้อการจำหน่าย
3. ตรวจสอบช่องที่ต้องเลือกข้อมูล: หากกรอกข้อมูลในช่องที่ต้องเลือก (เช่น คำนำหน้า, กลุ่มคดี, ข้อหา) โดยไม่ใช้ตัวเลือกที่ระบบกำหนด ข้อมูลบุคคลพ้นโทษจะไม่ถูกบันทึก |
รายงาน อ.
รายงานอ. เป็นรายงานที่มีอยู่ในโปรแกรม OBS หลังจากที่พัฒนาให้ให้งานผ่าน website police4.0 ทางบริษัทจึงไม่ได้นำรายงานอ. มาไว้ใน website เนื่องจากรายงานนี้ยังต้องมีการปรับปรุงอยู่ ในอนาคตหากปรับปรุงและพัฒนาเสร็จจะนำมาไว้บน web police4.0
จากที่จเรใหญ่แจ้งทางบริษัทว่าต้องการตรวจแค่ รายงาน อ. 1 - อ. 3 เราจึงพัฒนาให้สามารถดึงรายงาน อ. 1-อ. 3 บนเว็บได้ แต่รายงาน อ. 4-อ. 13 ระบบเรายังไม่ได้รองรับให้สามารถดึงได้พร้อมกันทั่วประเทศ เนื่องจากเมื่อก่อนได้มีการปิดรายงานอ. ไปจึงไม่ได้พัฒนาต่อ จึงขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ให้ดึงแค่รายงาน อ. 1-อ. 3 ที่อยู่บนเว็บ police4.0 ครับ
หากจเรหน่วยต้องการตรวจรายงาน อ. อื่นๆ สามารถนำข้อความที่ทางบริษัทชี้แจง แจ้งต่อจเรหน่วยได้เลยครับ |
เข้าสู่ระบบ application police4.0
การเข้าสู่ระบบ application police4.0 ครั้งแรกหลังจากติดตั้งเสร็จเรียบร้อยระบบจะให้กรอก username/password เมื่อกดเข้าสู่ระบบจะให้กรอกเบอร์โทรศัพท์มือถือของเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันการรับรหัส OTP หลังจากเข้าไปใช้งานแล้วมีการปัดแอพทิ้ง เมื่อเข้าใช้งานอีกครั้งระบบจะให้ทำการกำหนด PIN Code 6หลัก เมื่อมีการเข้าใช้งานครั้งต่อไประบบจะสามารถใช้งานได้เจ้าหน้าที่ต้องกรอกรหัส PIN Code 6หลัก ที่ได้ทำการตั้งค่าไว้
ปัญหาที่อาจพบ:
-ไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้
ให้แจ้งแอดมินประจำ สภ. เพื่อเข้าตรวจสอบ username/password ที่หน้าเว็บ police4.0 ที่เมนูเจ้าหน้าที่
-เบอร์โทรศัพท์ซ้ำ
วิธีการแก้ไข
1. ให้เจ้าหน้าที่ทำการตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ว่าถูกต้องหรือไม่ หากเบอร์โทรศัพท์ถูกต้องแล้วให้ตรวจสอบใน web police 4.0 ว่ามีเจ้าหน้าที่ท่านอื่นใช้เบอร์นี้หรือไม่
2. หากตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์แล้ว พบว่า เบอร์โทรศัพท์ไม่ถูกต้อง ให้ทำการแก้ไขเบอร์โทรศัพท์แล้วลองเข้าสู่ระบบใหม่อีกครั้งหรือตรวจสอบแล้วพบว่ามีเจ้าหน้าที่ท่านอื่นใช้งานเบอร์โทรศัพท์อยู่ให้ทำการแก้ไขที่หน้า web police4.0ให้ถูกต้อง
-ไม่ได้รับOTP
ไม่ได้รับรหัส OTP วิธีแก้ไขมี2วิธี
1. ตรวจสอบเบอร์โทรศัพทฺ์ที่แสดงอยู่ที่หน้าจอ หากถูกต้องแล้ว ให้รอ5นาที จากนั้นกดขอรหัส otp อีกครั้ง
2. หากตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ที่แสดงอยู่ที่หน้าจอแล้วพบว่าเบอร์ผิดให้กดปุ่ม "เปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์" แล้วทำการกรอกเบอร์โทรศัพท์ที่ถูกต้องอีกครั้ง
-จำรหัสPINไม่ได้
หากจำรหัส PIN ไม่ได้ วิธีการแก้ไขคือ ให้เจ้าหน้าที่ทำการกดปุ่ม "ลืมรหัส PIN" ด้านล่างแล้วทำการกรอก "รหัสผ่าน" สำหรับเข้าใช้งาน application police4.0 หลังจากนั้นระบบจะให้เจ้าหน้าที่ทำการกำหนด PIN ใหม่อีกครั้ง |
ลงชื่อเข้าเวร
การลงชื่อเข้าเวรในแอปพลิเคชัน Police 4.0 สามารถดำเนินการได้โดยการเข้าไปที่เมนู "ลงชื่อเข้าเวร" ระบบจะบังคับให้กรอกข้อมูลดังต่อไปนี้:
1. วันที่: ระบบจะตั้งค่าเป็นวันที่ปัจจุบันโดยอัตโนมัติ
2. รหัสสายตรวจ
3. ผลัดตรวจ
4. ประเภทการตรวจ: ระบบจะแสดงข้อมูลตามประเภทงานที่ได้มีการตั้งค่าไว้ใน Web Police 4.0
วิธีการกำหนดประเภทงานให้ถูกต้อง:
1. ประเภทงาน สายตรวจรถยนต์/รถจักรยานยนต์:
ประเภทสายตรวจที่สามารถเลือกประเภทงานนี้ได้ต้องเป็นประเภท "สายตรวจรถยนต์/รถจักรยานยนต์" เท่านั้น
หากมีการตั้งค่าแยกเป็น สายตรวจรถยนต์ 1 สาย, สายตรวจรถจักรยานยนต์ 1 สาย, ร้อยเวร 20 1 สาย ควรรวมรหัสทั้งหมดไว้ในประเภทเดียว และตั้งชื่อประเภทเป็น "สายตรวจรถยนต์/รถจักรยานยนต์"
ประเภทที่ไม่ได้ใช้งานให้ระบุคำว่า "(เก่า)" ต่อท้ายรหัส เช่น "121(เก่า)"
ประเภทการตรวจที่จะแสดงข้อมูล: "สายตรวจ"
2. ประเภทงาน นายตำรวจตรวจท้องที่:
ประเภทสายตรวจที่สามารถเลือกประเภทงานนี้ได้ ต้องเป็นประเภท "ผู้บังคับบัญชา" เท่านั้น
รวมรหัสของ ผู้กำกับการ (ผกก. ), รองผู้กำกับการ (รอง ผกก. ), สารวัตรป้องกันปราบปราม (สวป. ) ไว้ในประเภทเดียวกัน และตั้งชื่อประเภทสายตรวจว่า "ผู้บังคับบัญชา"
ตัวอย่าง:
-เดิม: ผู้กำกับการ 1 สาย, รองผู้กำกับการ 1 สาย, สารวัตรป้องกันปราบปราม 1 สาย
-ปรับใหม่: รวมรหัสทั้งหมดไว้ในประเภทเดียว และตั้งชื่อเป็น "ผู้บังคับบัญชา"
-สำหรับประเภทสายตรวจที่ไม่ได้ใช้งาน ให้ระบุคำว่า "(เก่า)" ต่อท้ายรหัส เช่น "1(เก่า)"
ปัญหาที่อาจพบและแนวทางแก้ไข:
1. ไม่สามารถลงชื่อเข้าเวรได้:
-หากหลังจากลงชื่อเข้าเวรแล้วระบบแสดงอาการหมุนค้าง ให้กดย้อนกลับไปที่เมนู "ฉัน" แล้วเลือก "อัปเดตข้อมูล"
-หากยังใช้งานไม่ได้ ให้ตรวจสอบที่ Web Police 4.0 โดยไปที่เมนู สายตรวจ → ประเภทสายตรวจ
ตรวจสอบว่าผลัดตรวจหมดอายุหรือไม่ หากหมดอายุให้ทำการแก้ไขแล้วลองลงชื่อเข้าเวรใหม่อีกครั้ง
-หากยังไม่สามารถลงชื่อเข้าเวรได้อีกให้ตรวจสอบที่ประเภทงาน เข้าไปที่ web police4.0 แล้วไปที่เมนู สายตรวจ->ประเภทสายตรวจ จากนั้นเลือกประเภทสายตรวจที่เจ้าหน้าที่ลงชื่อเข้าเวรแล้วมีอาการหมุน เมื่อกดเข้าไปจะมีหัวข้อประเภทงาน หากเจ้าหน้าที่เพิ่มประเภทสายตรวจผ่านโปรแกรม OBS ในช่องประเภทงานจะเป็นค่าว่าง ให้ทำการเพิ่มประเภทงานให้ถูกต้อง
2. ปัญหาคู่ตรวจ:
ใน 1 คู่ตรวจสามารถลงชื่อเข้าเวรได้เพียง 1 คน
หากระบบแจ้งว่า "คุณเป็นคู่ตรวจกับ..." ให้คู่ตรวจอีกฝ่ายลงชื่อออกเวรก่อน เจ้าหน้าที่จึงจะสามารถลงชื่อเข้าเวรได้
3. ปัญหาการลงชื่อคู่ตรวจพร้อมกัน:
หากเจ้าหน้าที่ทั้งสองพยายามลงชื่อเข้าเวรพร้อมกัน ระบบจะไม่สามารถระบุได้ว่าใครลงชื่อก่อน
ตอนลงชื่อออกจากเวร เจ้าหน้าที่ทั้งสองจะไม่สามารถลงชื่อออกได้ จำเป็นต้องติดต่อแอดมินบริษัทเพื่อแก้ไขระบบ
4. ข้อความแจ้ง "NULL NULL" ขณะลงชื่อเข้าเวร:
ข้อความนี้เกิดจากการลบข้อมูลคู่ตรวจออกจากระบบ
ให้แจ้งแอดมินบริษัทเพื่อดำเนินการแก้ไขในระบบ
5. ไม่มีชื่อคู่ตรวจให้เลือก:
ชื่อคู่ตรวจจะแสดงเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ยังไม่ลงชื่อเข้าเวรและยังไม่ถูกเลือกเป็นคู่ตรวจโดยเจ้าหน้าที่คนอื่น
6. ข้อมูลในแอปพลิเคชัน Police 4.0 ไม่ครบถ้วน:
อาจเกิดจากข้อมูลในแอปพลิเคชันยังไม่อัปเดต หรือมีการเพิ่มข้อมูลใหม่ใน Web Police 4.0
ให้เข้าไปที่เมนู "ฉัน" แล้วกด "อัปเดตข้อมูล"
7. แจ้งเตือนผลการปฏิบัติไม่ครบตามเงื่อนไขขณะลงชื่อออกเวร:
การตรวจของผู้บังคับบัญชาหรือนายตำรวจจะมีการบันทึกผลการตรวจลงในแคชของระบบ
หากข้อมูลบางส่วนไม่บันทึกสำเร็จ แต่เจ้าหน้าที่มั่นใจว่าการตรวจครบถ้วน ระบบจะคำนวณผลการปฏิบัติงานให้อีกครั้งในตอนออกรายงาน |
เมนู Strong Together
เมนูนี้เป็นเมนูที่จัดทำขึ้นตามคำร้องขอของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร. ) เพื่อนำมาใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชัน Police 4.0 ทั้งนี้ ทางบริษัทผู้พัฒนาแอปพลิเคชันไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเมนูนี้ |
ออกจากระบบ
แอปพลิเคชัน Police 4.0 ไม่สามารถออกจากระบบได้ เนื่องจากการออกแบบตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร. ) ซึ่งกำหนดให้ โทรศัพท์ 1 เครื่อง สามารถล็อกอินได้เพียง 1 ผู้ใช้งาน (User) เท่านั้น หากเจ้าหน้าที่มีการเข้าสู่ระบบผิดuser ให้ทำการลบapplicationแล้วติดตั้งใหม่ หากยังไม่สามารถออกจากระบบได้ให้แก้ไขตามวิธีต่อไปนี้
ขั้นตอนแก้ไขปัญหาสำหรับระบบ Android:
1. เข้าไปที่ "การตั้งค่า" (Settings) บนโทรศัพท์มือถือ
2. เลือก "การจัดการแอปพลิเคชัน" (App Management)
3. เลื่อนหาแอปพลิเคชัน Police 4.0
4. ไปที่ "จัดการข้อมูล" (Manage Data)
5. กด "ลบแคช" (Clear Cache) และ "ลบข้อมูล" (Clear Data)
6. เปิดแอปพลิเคชัน Police 4.0 อีกครั้ง และดำเนินการล็อกอินใหม่ |
โปรแกรม OBS
โปรแกรม OBS เป็นโปรแกรมที่ต้องติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ของเจ้าหน้าที่เพื่อให้สามารถใช้งานได้ อย่างไรก็ตาม ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร. ) ทางบริษัทได้พัฒนาเว็บไซต์ Police 4.0 ขึ้นมาเพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานให้มากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ทางบริษัทได้ยุติการพัฒนาโปรแกรม OBS อย่างเป็นทางการ
ดังนั้น หากเจ้าหน้าที่ต้องการ เพิ่ม/แก้ไขข้อมูลต่าง ๆ กรุณาดำเนินการผ่านเว็บไซต์ Police 4.0 แทน เนื่องจากการใช้งานโปรแกรม OBS อาจทำให้ข้อมูลบางส่วนไม่ถูกต้องหรือไม่อัปเดตตามระบบปัจจุบัน |
แอปพลิเคชัน Police 4.0 ล่ม
หากพบปัญหา การเชื่อมต่อล้มเหลว ในการใช้งานแอปพลิเคชัน Police 4.0 ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้:
1. ตรวจสอบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต:
ตรวจสอบว่าเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่
2. ปิดและเปิดแอปพลิเคชันใหม่:
หากอินเทอร์เน็ตใช้งานได้ตามปกติ ให้ปิดแอปพลิเคชัน Police 4.0 แล้วเปิดใช้งานใหม่อีกครั้ง
3. ติดตั้งแอปพลิเคชันใหม่:
หากปิดและเปิดใหม่แล้วยังไม่สามารถใช้งานได้ ให้ดำเนินการลบแอปพลิเคชันออกจากอุปกรณ์
ติดตั้งแอปพลิเคชัน Police 4.0 ใหม่อีกครั้งจากแหล่งที่เชื่อถือได้
แจ้งผู้ดูแลระบบ (Admin):
4. หากดำเนินการตามขั้นตอนทั้งหมดแล้วยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ให้แจ้งแอดมินบริษัทเพื่อตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขปัญหาเพิ่มเติม |
เว็บไซต์ Police 4.0 ล่ม
หากพบปัญหาในการใช้งานเว็บไซต์ Police 4.0 ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปนี้:
1. หากหน้าจอแสดงข้อความ "200 OK":
ให้เจ้าหน้าที่แจ้งแอดมินประจำสถานีตำรวจ (สภ. ) เพื่อตรวจสอบปัญหาและดำเนินการแก้ไข
2. หากหน้าจอแสดงข้อความ "Session not found" (NsRx1FJc8q11026D805):
ให้เจ้าหน้าที่กดปุ่ม "Restart Dashboard" เพื่อรีเซ็ตการทำงานของระบบ
3. หากหน้าเว็บแสดงอาการโหลดหมุนตลอดเวลา:
ตรวจสอบสัญญาณเครือข่ายอินเทอร์เน็ตว่าสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่
หากเครือข่ายอินเทอร์เน็ตปกติ แต่ยังไม่สามารถเข้าใช้งานได้ ให้ลองเปลี่ยนการเชื่อมต่อเป็นเครือข่าย Wi-Fi อื่นและเข้าใช้งานเว็บไซต์อีกครั้ง |
ตรวจเยี่ยมประชาชน
เมนูนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้สำหรับ การตรวจเยี่ยมประชาชน และ รับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน โดยสามารถใช้งานผ่านแอปพลิเคชัน Police 4.0 ในเมนู "ตรวจเยี่ยมประชาชน" ทั้งนี้ เพื่อให้การตรวจเยี่ยมเป็นไปอย่างถูกต้องและสมบูรณ์ เจ้าหน้าที่ต้อง ลงชื่อเข้าเวรให้ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน ก่อนดำเนินการตรวจเยี่ยมประชาชน
ปัญหาที่อาจพบและแนวทางแก้ไข:
1. ข้อมูลในรายงานกับหน้าเว็บไม่ตรงกัน:
บนหน้าเว็บจะแสดงผลการตรวจเยี่ยมประชาชนในเดือนนั้น ๆ ทั้งหมด โดยไม่คำนึงว่าเจ้าหน้าที่จะลงชื่อเข้าเวรไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ในรายงานจะแสดงเฉพาะผลการตรวจเยี่ยมประชาชนของเจ้าหน้าที่ที่ ลงชื่อเข้าเวรในเดือนที่มีการออกรายงานเท่านั้น
2. บันทึกข้อมูลเลขบัตรประชาชนซ้ำกัน:
หากเจ้าหน้าที่บันทึกข้อมูลการตรวจเยี่ยมประชาชนโดยใช้ เลขบัตรประชาชนซ้ำกัน ระบบจะนับข้อมูลนั้นเป็น 1 คน เท่านั้น |
การเข้าสู่ระบบ
การเข้าสู่ระบบใน Application Police 4.0 เป็นขั้นตอนสำคัญที่เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการก่อนเริ่มใช้งานแอปพลิเคชัน โดยมีขั้นตอนและรายละเอียดดังนี้:
1. กรอกข้อมูลเข้าสู่ระบบ
เจ้าหน้าที่จะต้องกรอก User และ Password ที่ได้ถูกตั้งค่าไว้ใน Web Police 4.0 เรียบร้อยแล้ว
หากไม่สามารถเข้าสู่ระบบได้ ให้ตรวจสอบว่ากรอกข้อมูล User และ Password ถูกต้องหรือไม่
ตรวจสอบวันสิ้นสุดของ User ที่ตั้งค่าไว้ใน Web Police 4.0 ว่าหมดอายุหรือไม่
2. การยืนยัน OTP ครั้งแรก
เมื่อเข้าสู่ระบบครั้งแรก ระบบจะทำการยืนยัน OTP (One-Time Password)
ระบบจะแสดงเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ในการยืนยัน ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของเบอร์โทรศัพท์
หากเบอร์โทรศัพท์ไม่ถูกต้อง สามารถแก้ไขเบอร์โทรศัพท์และกดตกลง ระบบจะส่งรหัส OTP ไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ถูกแก้ไข
หากมีการแจ้งเตือนว่า “เบอร์นี้มีผู้ใช้งานไปแล้ว” ให้เจ้าหน้าที่ติดต่อแอดมินของบริษัทเพื่อทำการตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ใหม่
นำรหัส OTP ที่ได้รับมากรอกในระบบเพื่อยืนยันและเข้าสู่ระบบ
3. การตั้งค่า PIN
หลังจากเข้าสู่ระบบครั้งแรกและยืนยัน OTP แล้ว ในครั้งถัดไปที่เปิดใช้งานแอปพลิเคชัน เจ้าหน้าที่จะต้องตั้งค่า PIN เพื่อใช้ในการเข้าสู่ระบบในครั้งถัดไป
การตั้งค่า PIN นี้จะช่วยให้การเข้าสู่ระบบครั้งถัดไปเป็นไปอย่างรวดเร็วและปลอดภัย
4. ข้อแนะนำเพิ่มเติม
หากมีปัญหาในการเข้าสู่ระบบ เช่น ลืมรหัสผ่านหรือลืม PIN เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อแอดมิน สภ. เพื่อขอความช่วยเหลือในการรีเซ็ตข้อมูลเข้าสู่ระบบ
ควรเก็บรักษา User, Password และ PIN อย่างปลอดภัย ไม่เปิดเผยให้ผู้อื่นทราบเพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลที่ไม่พึงประสงค์
การเข้าสู่ระบบที่ถูกต้องและปลอดภัยเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้งาน Application Police 4.0 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย. |
การลงชื่อเข้าเวร
การลงชื่อเข้าเวรใน Application Police 4.0 เป็นขั้นตอนสำคัญที่เจ้าหน้าที่ต้องดำเนินการก่อนเริ่มใช้งานในเมนูต่าง ๆ หรือก่อนเริ่มปฏิบัติงานในแต่ละผลัด โดยมีขั้นตอนและรายละเอียดดังนี้:
1. กรอกข้อมูลวันที่
เจ้าหน้าที่ต้องเลือกวันที่ปัจจุบัน
2. กรอกข้อมูลชื่อคู่ตรวจ
เจ้าหน้าที่สามารถเลือกชื่อคู่ตรวจได้ โดยชื่อคู่ตรวจจะแสดงเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่ยังไม่ได้ลงชื่อเข้าเวรและไม่ถูกเลือกเป็นคู่ตรวจกับเจ้าหน้าที่ท่านอื่น
หัวข้อนี้ไม่บังคับการเลือก
3. กรอกรหัสสายตรวจ
เจ้าหน้าที่ต้องเลือกรหัสสายตรวจของตนเอง
หัวข้อนี้บังคับกรอก หากไม่กรอกข้อมูลจะไม่สามารถลงชื่อเข้าเวรได้
หากไม่พบรหัสสายตรวจของตนเอง ให้ตรวจสอบที่ Web Police 4.0 ที่หัวข้อสายตรวจ และเลือกเมนูประเภทสายตรวจ เพื่อตรวจสอบรหัสสายตรวจ จากนั้นกดอัพเดตข้อมูลในแอปพลิเคชันที่เมนูฉัน และกดปุ่มอัพเดตข้อมูล
4. เลือกผลัดตรวจ
เจ้าหน้าที่ต้องเลือกผลัดตรวจที่ต้องการลงชื่อเข้าเวร
หากไม่พบผลัดตรวจ ให้ตรวจสอบที่ Web Police 4.0 ที่หัวข้อสายตรวจ และเลือกเมนูประเภทสายตรวจเพื่อตรวจสอบข้อมูลผลัด จากนั้นกดอัพเดตข้อมูลในแอปพลิเคชันที่เมนูฉัน และกดปุ่มอัพเดตข้อมูล
5. เลือกหน้าที่
เจ้าหน้าที่ต้องเลือกหน้าที่ของตนเอง
หัวข้อนี้ไม่บังคับการเลือก
6. เลือกประเภทการตรวจ
เจ้าหน้าที่ต้องเลือกประเภทการตรวจที่ต้องการตรวจ
ประเภทการตรวจจะแสดงตามการตั้งค่าประเภทสายตรวจที่ Web Police 4.0 ที่หัวข้อสายตรวจ และเลือกเมนูประเภทสายตรวจเพื่อตั้งค่าประเภทการตรวจ
7. เลือกรายการอุปกรณ์
เจ้าหน้าที่ต้องเลือกรายการอุปกรณ์ที่มี หากมีคู่ตรวจให้กดเลือกอุปกรณ์ให้คู่ตรวจด้วย
8. กดปุ่มลงชื่อเข้าเวร
เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วน ให้เจ้าหน้าที่กดปุ่มลงชื่อเข้าเวร
หากเจ้าหน้าที่ลงชื่อเข้าเวรเป็นคู่ตรวจกับเจ้าหน้าที่ท่านอื่นค้างไว้ ระบบจะไม่สามารถลงชื่อเข้าเวรได้
9. การลงชื่อออกเวร
เมื่อปฏิบัติงานเรียบร้อยหรือหมดเวลาผลัดตรวจ ให้ทำการกดลงชื่อออกเวร โดยไปที่เมนูลงชื่อเข้าเวร จากนั้นกดปุ่มลงชื่อออกเวร
หากลงชื่อเข้าเวรเป็นประเภทการตรวจผู้บังคับบัญชางานป้องกันปราบปราม หรือ นายตำรวจตรวจท้องที่ เวรอำนวยการ ระบบจะทำการประมวลผลการตรวจตู้แดงว่าผ่านหรือไม่
หากผลการปฏิบัติผ่าน ระบบจะแจ้งว่า "ยินดีด้วย ผลการปฏิบัติงานของคุณสำเร็จแล้ว"
หากไม่สำเร็จ ระบบจะแจ้งว่า "ผลการปฏิบัติงานไม่ครบตามเงื่อนไข ต้องการปฏิบัติงานต่อหรือไม่" โดยมีตัวเลือกให้กดเลือก 2 ตัวเลือก คือ ลงชื่อออกเวร หรือ ปฏิบัติงานต่อ
หากแน่ใจว่าปฏิบัติงานครบถ้วนถูกต้อง เจ้าหน้าที่สามารถกดเลือกลงชื่อออกเวรได้
เงื่อนไขการประมวลผลการตรวจตู้แดง
หากลงชื่อเข้าเวรเป็นประเภทการตรวจผู้บังคับบัญชางานป้องกันปราบปราม ต้องออกตรวจตู้แดงในเขตตรวจของประเภทสายตรวจที่กำหนดประเภทงานเป็นสายตรวจหลัก (รถยนต์/จักรยานยนต์) 7 จุด ครอบคลุมทุกเขตตรวจ โดยมีเงื่อนไขเวลา 1.30 - 6 ชม.
หากลงชื่อเข้าเวรเป็นประเภทการตรวจนายตำรวจตรวจท้องที่ ต้องออกตรวจตู้แดงในเขตตรวจของประเภทสายตรวจที่กำหนดประเภทงานเป็นนายตำรวจตรวจท้องที่ 7 จุด โดยจุดที่ 6 ให้ทำการตรวจหลัง 1.30 ชม. + จุดที่ 7 แต่ไม่เกิน 6 ชม.
การลงชื่อเข้าเวรอย่างถูกต้องและครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างถูกต้อง. |
เมนูอบรมปล่อยแถว
เมนูอบรมปล่อยแถวใน Application Police 4.0 ถูกออกแบบมาเพื่อบันทึกข้อมูลการอบรมปล่อยแถวของแต่ละผลัด โดยมีขั้นตอนและรายละเอียดดังนี้:
1. การเข้าสู่ระบบและเลือกเมนูอบรมปล่อยแถว
เจ้าหน้าที่ต้องทำการเข้าสู่ระบบใน Application Police 4.0 ก่อน
จากนั้นเลือกเมนู "อบรมปล่อยแถว"
2. การเลือกวันที่
เจ้าหน้าที่ต้องเลือกวันที่ที่ต้องการอบรมปล่อยแถว ซึ่งจะต้องเป็นวันที่ปัจจุบัน เนื่องจากการอบรมปล่อยแถวต้องทำการอบรมก่อนเวลาผลัด 30 นาที
ตัวอย่างเช่น ผลัดตรวจเริ่มตอน 08:00-17:00 สามารถอบรมปล่อยแถวได้ตั้งแต่ 07:30-08:00 หากเกินเวลาผลัดตรวจแล้ว ระบบจะแจ้งเตือนว่า “กรุณาอบรมปล่อยแถวก่อนเวลาผลัด 30 นาที”
3. การเลือกประเภทสายตรวจและผลัดตรวจ
เจ้าหน้าที่ต้องเลือกประเภทสายตรวจที่ต้องการอบรมปล่อยแถว
เลือกผลัดตรวจที่ต้องการอบรมปล่อยแถว ระบบจะแสดงช่วงเวลาของผลัดตรวจที่เลือกโดยอัตโนมัติ
4. การตรวจสอบรายชื่อเจ้าหน้าที่
ระบบจะแสดงรายชื่อเจ้าหน้าที่ที่ได้ทำการลงชื่อเข้าเวรในวันและผลัดตรวจที่เลือก
เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบรายชื่อและอุปกรณ์ของเจ้าหน้าที่แต่ละท่านได้จาก "เช็คลิสต์เจ้าหน้าที่"
5. การกรอกข้อมูลการอบรมปล่อยแถว
เมื่อทำการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว เจ้าหน้าที่ต้องทำการเพิ่มข้อมูลการปล่อยแถวโดยการกดปุ่ม "+"
กรอกหัวข้อและรายละเอียดการอบรมปล่อยแถว
ใส่รูปภาพการอบรมปล่อยแถวอย่างน้อย 1 รูป เพื่อประกอบกับข้อมูลการอบรมปล่อยแถว
หากกรอกข้อมูลไม่ครบทุกหัวข้อ ระบบจะไม่สามารถบันทึกข้อมูลได้
6. การบันทึกข้อมูล
เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วน ให้กดปุ่ม "บันทึก" เพื่อบันทึกข้อมูลการอบรมปล่อยแถว
ระบบจะมีแจ้งเตือนเพื่อยืนยันการบันทึก ให้กดปุ่ม "ตกลง"
ข้อมูลการอบรมปล่อยแถวจะถูกบันทึกในระบบ และสามารถเข้าดูรายละเอียดได้ภายหลัง
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
เจ้าหน้าที่ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่กรอกและรูปภาพที่แนบเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลการอบรมปล่อยแถวครบถ้วนและถูกต้อง
หากมีปัญหาในการใช้งานเมนูอบรมปล่อยแถว เช่น ไม่สามารถบันทึกข้อมูลได้หรือมีปัญหาในการเพิ่มรูปภาพ เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อแอดมินของบริษัทเพื่อขอความช่วยเหลือ
การบันทึกข้อมูลการอบรมปล่อยแถวอย่างถูกต้องและครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างถูกต้อง. |
เมนู Red Box (ตู้แดง)
เมนู Red Box (ตู้แดง) ใน Application Police 4.0 เป็นเครื่องมือที่ออกแบบมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบันทึกข้อมูลการตรวจตู้แดงหรือจุดตรวจต่างๆ ที่กำหนดไว้ใน Web Police 4.0 โดยมีขั้นตอนและรายละเอียดดังนี้:
1. การสร้างจุดตรวจตู้แดง
ไปที่ Web Police 4.0 แล้วเลือกหัวข้อ "สายตรวจ"
กดเลือกเมนู "จุดตรวจ" จากนั้นกดเพิ่มข้อมูลจุดตรวจ
กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน และปริ้น QR code เพื่อนำไปติดตามสถานที่ต่าง ๆ ที่กำหนดพิกัดไว้
2. การตรวจตู้แดง
เข้าเมนู Red Box ใน Application Police 4.0
กดปุ่มที่มีรูป QR code เพื่อเริ่มการสแกน QR code ที่ตู้แดง
หลังจากสแกน QR code แล้ว ระบบจะแสดงหน้าแผนที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทราบพิกัดของตนเองว่าอยู่ใกล้กับจุดตรวจที่กำหนดไว้ใน Web Police 4.0 หรือไม่
3. การยืนยันพิกัด
หากเจ้าหน้าที่อยู่ในระยะไม่เกิน 100 เมตรจากจุดตรวจ สามารถกดปุ่ม "ยืนยันที่อยู่" เพื่อบันทึกข้อมูลจุดตรวจได้
หากระยะห่างเกิน 100 เมตร จะไม่สามารถบันทึกการตรวจตู้แดงได้
4. การบันทึกภาพและหมายเหตุ
กดปุ่มรูปกล้องเพื่อบันทึกภาพเจ้าหน้าที่กับสถานที่ที่ไปตรวจ
หากไม่บันทึกภายใน 1 นาที จะต้องสแกน QR code ใหม่
สามารถเลือกหมายเหตุเพิ่มเติมได้ เช่น ตรวจไม่ครบเนื่องจากฝนตก, ตรวจไม่ครบเนื่องจากติดภารกิจ ถปภ/รปภ, ตรวจไม่ครบเนื่องจาก ว.4 ระงับเหตุ ฯลฯ
5. การยืนยันจุดตรวจ
หลังจากบันทึกจุดตรวจแล้ว จะต้องยืนยันจุดตรวจโดยการกดเข้าไปในจุดตรวจที่สแกนและต้องอยู่ไม่ห่างจากตู้แดงเกิน 100 เมตร
ระบบจะมีเวลานับถอยหลัง 2 นาที หลังจากบันทึกจุดตรวจแล้ว
เมื่อรอเวลาจนครบ 2 นาที จะมีช่องให้กดยืนยันจุดตรวจ เป็นอันสำเร็จการบันทึกการตรวจตู้แดง
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
เจ้าหน้าที่ควรตรวจสอบ QR code ที่ติดตามตู้แดงว่าชัดเจนและสามารถสแกนได้ง่าย
การตรวจสอบพิกัดต้องมั่นใจว่าตำแหน่ง GPS ถูกต้องและไม่ห่างจากจุดตรวจเกิน 100 เมตร
บันทึกภาพให้ชัดเจนและตรงกับสถานที่ตรวจสอบ เพื่อให้การบันทึกข้อมูลมีความน่าเชื่อถือ
การตรวจและบันทึกข้อมูลการตรวจตู้แดงอย่างถูกต้องและครบถ้วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ. |
เมนูข้อมูลที่ควรทราบ
เมนูข้อมูลที่ควรทราบใน Application Police 4.0 เป็นเมนูที่ออกแบบมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถบันทึกข้อมูลเหตุการณ์หรือข้อมูลสำคัญที่เกิดขึ้นในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ รายละเอียดและขั้นตอนการใช้งานเมนูนี้มีดังนี้:
1. การเข้าสู่เมนูข้อมูลที่ควรทราบ
หลังจากที่เจ้าหน้าที่เข้าสู่ระบบ Application Police 4.0 เรียบร้อยแล้ว ให้เลือกเมนู "ข้อมูลที่ควรทราบ"
2. การเพิ่มรายการข้อมูลที่ควรทราบ
ในหน้าจอเมนู "ข้อมูลที่ควรทราบ" ให้กดปุ่ม "+" เพื่อเพิ่มรายการข้อมูลใหม่
หน้าจอจะเปิดหน้าต่างให้กรอกรายละเอียดข้อมูลที่ควรทราบ
3. การกรอกรายละเอียดข้อมูล
เจ้าหน้าที่ต้องกรอกข้อมูลในหัวข้อต่อไปนี้:
วันและเวลา: ระบุวันที่และเวลาที่เกิดเหตุการณ์หรือข้อมูลที่ควรทราบ
เนื้อหาข้อมูล: ระบุรายละเอียดของเหตุการณ์หรือข้อมูลที่ควรทราบ
หมายเหตุ (ถ้ามี): ข้อมูลเพิ่มเติมหรือข้อสังเกตเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้น ๆ
4. การบันทึกข้อมูล
เมื่อกรอกข้อมูลครบถ้วนแล้ว ให้กดปุ่ม "บันทึก"
ระบบจะมีแจ้งเตือนเพื่อยืนยันการบันทึกข้อมูล ให้กดปุ่ม "ตกลง" เพื่อยืนยันการบันทึก
ข้อมูลที่บันทึกจะปรากฏในรายการข้อมูลที่ควรทราบ
5. การตรวจสอบและดูรายละเอียดข้อมูล
เจ้าหน้าที่สามารถดูรายการข้อมูลที่บันทึกไว้ได้ในเมนู "ข้อมูลที่ควรทราบ"
หากต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติม ให้กดที่รายการข้อมูลที่ต้องการ ระบบจะแสดงรายละเอียดทั้งหมดที่ได้บันทึกไว้
ตัวอย่างการใช้งาน
กรณีเหตุการณ์ฉุกเฉิน: หากมีการแจ้งเหตุด่วนเข้ามา เช่น อุบัติเหตุ, อาชญากรรม, หรือเหตุการณ์ที่ต้องการการตอบสนองทันที เจ้าหน้าที่สามารถบันทึกข้อมูลเหล่านี้ในเมนู "ข้อมูลที่ควรทราบ" เพื่อให้สามารถติดตามและจัดการเหตุการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กรณีเหตุการณ์ไม่คาดคิด: หากมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในระหว่างปฏิบัติงาน เช่น ฝนตกหนักทำให้ไม่สามารถปฏิบัติงานตามปกติ เจ้าหน้าที่สามารถบันทึกข้อมูลนี้เพื่อเป็นหลักฐานและใช้ในการประเมินผลการปฏิบัติงานในภายหลัง
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ควรกรอกรายละเอียดข้อมูลให้ครบถ้วนและชัดเจน เพื่อให้การบันทึกข้อมูลมีความถูกต้องและสามารถนำไปใช้ในการตรวจสอบหรือประเมินผลได้ในอนาคต
หากมีการแก้ไขข้อมูลหลังจากที่บันทึกไปแล้ว ควรระบุเหตุผลหรือหมายเหตุเพิ่มเติมเพื่อความชัดเจนในการตรวจสอบ
การบันทึกข้อมูลที่ควรทราบอย่างครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถจัดการเหตุการณ์และติดตามข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยในการวางแผนและประเมินผลการปฏิบัติงานในอนาคต. |
เมนูจุดเช็คอิน
เมนูจุดเช็คอินใน Application Police 4.0 ถูกออกแบบมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถบันทึกข้อมูลการออกตรวจภารกิจเสริมที่ต้องออกตรวจนอกเหนือจากจุดตรวจตู้แดงที่มีอยู่แล้ว รายละเอียดและขั้นตอนการใช้งานมีดังนี้:
1. การเข้าสู่เมนูจุดเช็คอิน
หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าสู่ระบบ Application Police 4.0 เรียบร้อยแล้ว ให้เลือกเมนู "จุดเช็คอิน"
2. การเพิ่มรายการจุดเช็คอิน
ในหน้าจอเมนู "จุดเช็คอิน" ให้กดปุ่ม "+" เพื่อเพิ่มรายการจุดเช็คอินใหม่
หน้าจอจะเปิดหน้าต่างให้กรอกรายละเอียดข้อมูลจุดเช็คอิน
3. การกรอกรายละเอียดจุดเช็คอิน
สถานที่ของจุดเช็คอิน: ระบุชื่อสถานที่หรือรายละเอียดของจุดที่ต้องการเช็คอิน
ละติจูดและลองจิจูด: ระบบจะแสดงตำแหน่ง GPS ปัจจุบันโดยอัตโนมัติ
รายละเอียดที่อยู่: กรอกข้อมูลที่อยู่ของจุดเช็คอินอย่างละเอียด
4. การบันทึกภาพจุดเช็คอิน
กดปุ่ม "ถ่ายภาพ" เพื่อบันทึกภาพจุดเช็คอินจำนวน 2 รูป
ภาพถ่ายควรชัดเจนและแสดงให้เห็นบริเวณที่ทำการเช็คอิน
5. การบันทึกข้อมูลจุดเช็คอิน
เมื่อกรอกรายละเอียดและถ่ายภาพครบถ้วนแล้ว ให้กดปุ่ม "บันทึก"
ระบบจะมีแจ้งเตือนเพื่อยืนยันการบันทึกข้อมูล ให้กดปุ่ม "ตกลง"
ข้อมูลที่บันทึกจะปรากฏในรายการจุดเช็คอิน
6. การตรวจสอบและดูรายละเอียดข้อมูลจุดเช็คอิน
เจ้าหน้าที่สามารถดูรายการจุดเช็คอินที่บันทึกไว้ได้ในเมนู "จุดเช็คอิน"
หากต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติม ให้กดที่รายการจุดเช็คอินที่ต้องการ ระบบจะแสดงรายละเอียดทั้งหมดที่ได้บันทึกไว้
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ควรตรวจสอบความถูกต้องของพิกัด GPS และรายละเอียดที่อยู่ก่อนบันทึกข้อมูล เพื่อให้การบันทึกข้อมูลมีความถูกต้องและสามารถใช้งานได้จริง
หากมีปัญหาในการใช้งานเมนูจุดเช็คอิน เช่น ไม่สามารถบันทึกข้อมูลได้หรือมีปัญหาในการถ่ายภาพ เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อแอดมินของบริษัทเพื่อขอความช่วยเหลือ
การบันทึกข้อมูลจุดเช็คอินอย่างถูกต้องและครบถ้วนจะช่วยให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ. |
เมนูตรวจเยี่ยมประชาชน
เมนูตรวจเยี่ยมประชาชนใน Application Police 4.0 ถูกออกแบบมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถบันทึกข้อมูลการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหรือพบปะกับประชาชน โดยมีขั้นตอนและรายละเอียดดังนี้:
การเข้าสู่เมนูตรวจเยี่ยมประชาชน
1. หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าสู่ระบบ Application Police 4.0 เรียบร้อยแล้ว ให้เลือกเมนู "ตรวจเยี่ยมประชาชน"
การเพิ่มรายการตรวจเยี่ยมประชาชน
2. ในหน้าจอเมนู "ตรวจเยี่ยมประชาชน" ให้กดปุ่ม "+" เพื่อเพิ่มรายการตรวจเยี่ยมประชาชนใหม่
การกรอกรายละเอียดการตรวจเยี่ยมประชาชน
3. หน้าจอจะเปิดหน้าต่างให้กรอกรายละเอียดการตรวจเยี่ยมประชาชน:
รูปถ่ายประชาชน: เจ้าหน้าที่สามารถถ่ายรูปหรืออัปโหลดรูปภาพของประชาชนที่ทำการตรวจเยี่ยม
ข้อมูลต่าง ๆ ของประชาชน: กรอกข้อมูลรายละเอียดของประชาชนที่ตรวจเยี่ยม เช่น ชื่อ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์ ฯลฯ
สแกนจากบัตรประชาชน: เจ้าหน้าที่สามารถสแกนข้อมูลจากบัตรประชาชนแทนการกรอกข้อมูลด้วยตนเอง โดยกดที่ปุ่มรูปบัตรที่อยู่ทางด้านมุมขวาบน
การตรวจสอบประวัติอาชญากรรม
4. ในระหว่างการกรอกข้อมูล เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของประชาชนได้จากเลขบัตรประชาชนที่ได้รับมา
การบันทึกข้อมูลการตรวจเยี่ยมประชาชน
5. เมื่อทำการกรอกข้อมูลต่าง ๆ ครบถ้วนแล้ว ถ้าหากไม่มีการแจ้งข้อมูลผู้ต้องสงสัยเพิ่มเติม เจ้าหน้าที่สามารถกดปุ่ม "บันทึก" เพื่อบันทึกข้อมูลการตรวจเยี่ยมประชาชน
การลงบันทึกข้อมูลผู้ต้องสงสัย (ถ้ามี)
6. หากได้รับข้อมูลผู้ต้องสงสัยจากประชาชน เจ้าหน้าที่สามารถกดปุ่ม ">" ในหัวข้อข้อมูลผู้ต้องสงสัยเพื่อระบุรายละเอียดต่าง ๆ:
รูปภาพผู้ต้องสงสัย: ถ่ายรูปหรืออัปโหลดรูปภาพของผู้ต้องสงสัย
ข้อมูลเบื้องต้น: กรอกข้อมูลเบื้องต้นของผู้ต้องสงสัย เช่น ชื่อ, อายุ, ที่อยู่ ฯลฯ
ตำหนิรูปพรรณ: ระบุรายละเอียดตำหนิรูปพรรณของผู้ต้องสงสัย
หลังจากกรอกข้อมูลครบถ้วน กดปุ่ม "บันทึก" เพื่อบันทึกข้อมูลผู้ต้องสงสัย
การตรวจสอบและดูรายละเอียดข้อมูลการตรวจเยี่ยมประชาชน
7. เจ้าหน้าที่สามารถดูรายการตรวจเยี่ยมประชาชนที่บันทึกไว้ได้ในเมนู "ตรวจเยี่ยมประชาชน"
หากต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติม ให้กดที่รายการตรวจเยี่ยมที่ต้องการ ระบบจะแสดงรายละเอียดทั้งหมดที่ได้บันทึกไว้
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและรูปภาพก่อนบันทึกข้อมูล เพื่อให้การบันทึกมีความน่าเชื่อถือและสามารถใช้งานได้จริง
หากมีปัญหาในการใช้งานเมนูตรวจเยี่ยมประชาชน เช่น ไม่สามารถบันทึกข้อมูลได้หรือมีปัญหาในการสแกนบัตรประชาชน เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อแอดมินของบริษัทเพื่อขอความช่วยเหลือ
การบันทึกข้อมูลการตรวจเยี่ยมประชาชนอย่างครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ. |
เมนูตรวจเยี่ยมบุคคลพ้นโทษ
เมนูตรวจเยี่ยมบุคคลพ้นโทษใน Application Police 4.0 ถูกออกแบบมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถบันทึกข้อมูลการตรวจเยี่ยมบุคคลพ้นโทษลงในระบบ รายละเอียดและขั้นตอนการใช้งานมีดังนี้:
1. การเพิ่มข้อมูลบุคคลพ้นโทษใน Web Police 4.0
ไปที่ Web Police 4.0 และเลือกหัวข้อ "บุคคลพ้นโทษ"
กดเลือกเมนู "รายการทะเบียนบุคคลพ้นโทษ" และกดปุ่ม "เพิ่ม"
ระบบจะแสดงหน้าการเพิ่มข้อมูลบุคคลพ้นโทษ
กรอกข้อมูลที่จำเป็น เช่น คำนำหน้า, ชื่อ, นามสกุล, วันเกิด, เลขบัตรประชาชน (หากไม่มีเลขบัตรประชาชน ให้เลือก "ไม่มีเลขบัตร ปชช.")
เลือกกลุ่มคดีและข้อหาของบุคคลพ้นโทษ
วันที่พ้นโทษ ระบบจะคำนวณวันและเวลาในการตรวจเยี่ยมบุคคลพ้นโทษ จากวันที่กรอก ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องทำการตรวจเยี่ยมบุคคลพ้นโทษเป็นจำนวน 1 ครั้ง/เดือน ตลอดระยะเวลา 1 ปี
2. การเข้าสู่เมนูตรวจเยี่ยมบุคคลพ้นโทษใน Application Police 4.0
หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าสู่ระบบ Application Police 4.0 เรียบร้อยแล้ว ให้เลือกเมนู "ตรวจเยี่ยมบุคคลพ้นโทษ"
3. การเพิ่มรายการตรวจเยี่ยมบุคคลพ้นโทษ
ในหน้าจอเมนู "ตรวจเยี่ยมบุคคลพ้นโทษ" ให้กดปุ่ม "+" เพื่อเพิ่มรายการตรวจเยี่ยมใหม่
ระบบจะแสดงรายชื่อบุคคลพ้นโทษที่มีอยู่ในระบบขึ้นมา ให้เจ้าหน้าที่เลือกรายชื่อบุคคลพ้นโทษที่ต้องการตรวจเยี่ยม (หากไม่พบรายชื่อ ให้ตรวจสอบข้อมูลใน Web Police 4.0)
4. การกรอกรายละเอียดการตรวจเยี่ยม
ระบุวันที่และเวลาที่ตรวจเยี่ยม
กรอกข้อมูลสถานที่ตรวจเยี่ยมที่เจ้าหน้าที่ไปทำการตรวจเยี่ยม
เลือกผลการตรวจเยี่ยมจากตัวเลือกที่มีทั้งหมด 5 ประเภท ได้แก่
เจอตัว
ออกนอกพื้นที่, รู้ที่อยู่
ไม่รู้หลักแหล่ง
ควบคุมที่สถานีตำรวจ
ฝากขัง
กรอกรายละเอียดเพิ่มเติมในการตรวจเยี่ยม (ถ้ามี)
5. การบันทึกรูปภาพ
กดไอคอน "กล้องถ่ายรูป" เพื่อเพิ่มรูปภาพการตรวจเยี่ยมบุคคลพ้นโทษ สามารถเพิ่มรูปภาพได้ทั้งหมด 5 รูป
6. การบันทึกข้อมูล
เมื่อกรอกรายละเอียดและเพิ่มรูปภาพครบถ้วนแล้ว ให้กดปุ่ม "บันทึก"
ข้อมูลที่บันทึกจะสามารถตรวจสอบได้จาก Web Police 4.0 ในหัวข้อ "บุคคลพ้นโทษ" และเลือกเมนู "รายงานผลการตรวจเยี่ยมประจำเดือน"
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ควรกรอกรายละเอียดข้อมูลให้ครบถ้วนและชัดเจน เพื่อให้การบันทึกข้อมูลมีความถูกต้องและสามารถใช้งานได้จริง
หากมีปัญหาในการใช้งานเมนูตรวจเยี่ยมบุคคลพ้นโทษ เช่น ไม่สามารถบันทึกข้อมูลได้หรือไม่พบรายชื่อบุคคลพ้นโทษ เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อแอดมินของบริษัทเพื่อขอความช่วยเหลือ
การบันทึกข้อมูลการตรวจเยี่ยมบุคคลพ้นโทษอย่างครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ. |
เมนู Report
เมนู Report ใน Application Police 4.0 ออกแบบมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถดูผลการตรวจต่าง ๆ และสรุปรายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเมนูย่อยทั้งหมด 3 เมนู ดังนี้:
เมนูที่ 1: Red Box QR Code
1. วัตถุประสงค์
ใช้สำหรับออก report ผลการตรวจตู้แดง
2. ขั้นตอนการใช้งาน
เลือกประเภทสายตรวจที่ต้องการดูผลการตรวจตู้แดง
เลือกเขตตรวจที่ต้องการดูผลการตรวจตู้แดง (หากไม่มีเขตตรวจให้ไปที่เมนู "ฉัน" แล้วกดปุ่มอัพเดตข้อมูล)
เลือกผลัดตรวจที่ต้องการดูผลการตรวจตู้แดง
เลือกวันที่ที่ต้องการดูผลการตรวจตู้แดง
กดปุ่ม "ค้นหา"
3. การดูรายละเอียดและดาวน์โหลดรายงาน
ระบบจะแสดงรายการผลการตรวจตู้แดงในแต่ละรายการ สามารถกดเข้าไปดูรูปการตรวจตู้แดงได้
หากต้องการดาวน์โหลด report การตรวจตู้แดง สามารถกดปุ่ม "PDF" ที่มุมบนขวามือ
รายงานจะแสดงขึ้นมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบก่อน หากตรวจสอบแล้วถูกต้องครบถ้วนให้กดปุ่ม "ดาวน์โหลด" เพื่อดาวน์โหลดรายงานลงโทรศัพท์มือถือ
หมายเหตุ
ผลการตรวจตู้แดงที่จะนำไปออกรายงานจะต้องยืนยันจุดตรวจแล้วเท่านั้น หากไม่ยืนยันจุดตรวจ จุดตรวจนั้นจะไม่ถูกนำไปออกรายงาน
เมนูที่ 2: CCTV Mapping
1. วัตถุประสงค์
ใช้สำหรับดูรายการกล้อง CCTV ของแต่ละหน่วยงานที่มีการติดตั้งไว้ตามตำแหน่งต่าง ๆ
2. ขั้นตอนการใช้งาน
เลือกจังหวัดที่ต้องการดูกล้อง CCTV Mapping
เลือก สภ. ที่ต้องการดูกล้อง CCTV Mapping
กดปุ่ม "ค้นหา"
3. การดูรายละเอียดกล้อง CCTV
ระบบจะแสดงรายการกล้องทั้งหมดของแต่ละหน่วยงานที่ค้นหา โดยจะแสดงรายละเอียดจำนวนกล้องทั้งหมดและประเภทหน่วยงาน
กดปุ่ม "แผนที่" เพื่อดูแผนที่กล้อง CCTV ว่าอยู่ตำแหน่งใดบ้าง
ในแผนที่จะแสดงเป็นหมุดปักตามที่ได้เพิ่มข้อมูลกล้องที่เมนู CCTV Mapping หากต้องการดูข้อมูลกล้องแต่ละจุดที่แสดงบนแผนที่ สามารถกดที่หมุดได้
เมื่อกดหมุดที่ปัก ระบบจะแสดงข้อมูล ชื่อสถานที่ วันเวลาที่อัพเดตกล้อง เบอร์โทรติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ติดตั้งกล้อง
เมนูที่ 3: Checkpoint Mapping
1. วัตถุประสงค์
ใช้สำหรับดูการตั้งด่านภายในวันปัจจุบัน
2. ขั้นตอนการใช้งาน
เลือกจังหวัดที่ต้องการดูการตั้งด่าน
ระบบจะแสดงรายชื่อ สภ. ที่อยู่ในจังหวัดที่เลือกมา และบอกจำนวนการตั้งด่านว่าในแต่ละหน่วยงานในวันที่ปัจจุบันมีการตั้งด่านทั้งหมดกี่ด่าน
3. การดูรายละเอียดการตั้งด่าน
หากกดปุ่ม "หมุดพิกัด" ของแต่ละหน่วยงาน ระบบจะแสดงแผนที่ขึ้นมาพร้อมตำแหน่งของจุดตั้งด่านทั้งหมดของหน่วยงานนั้น
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนการสร้างรายงานและดาวน์โหลด เพื่อให้รายงานมีความน่าเชื่อถือและสามารถใช้งานได้จริง
หากมีปัญหาในการใช้งานเมนู Report เช่น ไม่สามารถค้นหาข้อมูลได้หรือมีปัญหาในการดาวน์โหลดรายงาน เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อแอดมินของบริษัทเพื่อขอความช่วยเหลือ
การใช้งานเมนู Report อย่างถูกต้องและครบถ้วนจะช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบและสรุปรายงานการปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถใช้ข้อมูลในการวางแผนและปรับปรุงการปฏิบัติงานในอนาคต. |
เมนู Crime Mapping
เมนู Crime Mapping ใน Application Police 4.0 ออกแบบมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถบันทึกข้อมูลการรับแจ้งเหตุ โดยมีการระบุพิกัดของสถานที่เกิดเหตุ เพื่อให้เห็นภาพของแผนที่ว่าจุดนี้มีเหตุเกิดขึ้นบ่อย ซึ่งจะช่วยในการวิเคราะห์และวางแผนการป้องกันอาชญากรรม รายละเอียดและขั้นตอนการใช้งานมีดังนี้:
การเข้าสู่เมนู Crime Mapping
1. หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าสู่ระบบ Application Police 4.0 เรียบร้อยแล้ว ให้เลือกเมนู "Crime Mapping"
การเพิ่มรายการแจ้งเหตุ
2. ในหน้าจอเมนู "Crime Mapping" ให้กดปุ่ม "+" เพื่อเพิ่มรายการแจ้งเหตุใหม่
การกรอกรายละเอียดการแจ้งเหตุ
3. หน้าจอจะเปิดหน้าต่างให้กรอกรายละเอียดการแจ้งเหตุ:
ข้อมูลสถานที่เกิดเหตุ: ระบุพิกัด ละติจูด, ลองจิจูด (ระบบจะแสดงตำแหน่ง GPS ปัจจุบันโดยอัตโนมัติ แต่สามารถแก้ไขตำแหน่งได้หากจำเป็น)
ข้อมูลผู้เสียหาย: กรอกข้อมูลรายละเอียดของผู้เสียหาย เช่น ชื่อ, อายุ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์ ฯลฯ
ข้อมูลผู้ต้องสงสัย: กรอกข้อมูลรายละเอียดของผู้ต้องสงสัย เช่น ชื่อ, อายุ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์, ตำหนิรูปพรรณ ฯลฯ
ข้อมูลยานพาหนะ: กรอกข้อมูลยานพาหนะที่เกี่ยวข้อง เช่น ทะเบียนรถ, ยี่ห้อ, รุ่น, สี ฯลฯ
รายละเอียดทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้าย: กรอกรายละเอียดของทรัพย์สินที่เสียหายหรือถูกขโมย
บันทึกภาพของข้อมูลต่าง ๆ: เจ้าหน้าที่สามารถถ่ายภาพหรืออัปโหลดรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์
การเปิด Safety Zone
4. เปิด Safety Zone: หากจุดที่ทำการเพิ่มเป็นพื้นที่ปลอดภัย เจ้าหน้าที่สามารถกดเปิด Safety Zone ได้ (ละติจูด, ลองจิจูด จะแสดงตาม GPS ณ ปัจจุบัน แต่สามารถแก้ไขตำแหน่งได้)
การบันทึกข้อมูล
5. เมื่อกรอกรายละเอียดครบถ้วนแล้ว ให้กดปุ่ม "บันทึก"
ระบบจะมีแจ้งเตือนเพื่อยืนยันการบันทึกข้อมูล ให้กดปุ่ม "ตกลง"
ข้อมูลที่บันทึกจะปรากฏในรายการ Crime Mapping และสามารถเข้าดูรายละเอียดได้
การตรวจสอบและดูรายละเอียดข้อมูล Crime Mapping
6. เจ้าหน้าที่สามารถดูรายการ Crime Mapping ที่บันทึกไว้ได้ในเมนู "Crime Mapping"
หากต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติม ให้กดที่รายการแจ้งเหตุที่ต้องการ ระบบจะแสดงรายละเอียดทั้งหมดที่ได้บันทึกไว้
การใช้งานเมนู Crime Mapping
วิเคราะห์รูปแบบและลักษณะของอาชญากรรม: ข้อมูลที่บันทึกใน Crime Mapping สามารถใช้วิเคราะห์ประเภทของอาชญากรรมที่เกิดขึ้นบ่อย เช่น สถานที่เกิดเหตุ ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ
ระบุจุดเสี่ยง: ข้อมูลพิกัดที่บันทึกสามารถใช้ระบุพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมสูง
วางแผนป้องกันอาชญากรรม: ข้อมูลที่ได้จาก Crime Mapping ช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถจัดสรรทรัพยากรและวางแผนกลยุทธ์ในการป้องกันอาชญากรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ควรกรอกรายละเอียดข้อมูลให้ครบถ้วนและชัดเจน เพื่อให้การบันทึกข้อมูลมีความถูกต้องและสามารถใช้งานได้จริง
หากมีปัญหาในการใช้งานเมนู Crime Mapping เช่น ไม่สามารถบันทึกข้อมูลได้หรือมีปัญหาในการระบุพิกัด เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อแอดมินของบริษัทเพื่อขอความช่วยเหลือ
การบันทึกข้อมูลการรับแจ้งเหตุอย่างครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ. |
เมนูปิดล้อมตั้งด่าน
เมนูปิดล้อมตั้งด่านใน Application Police 4.0 ถูกออกแบบมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถบันทึกข้อมูลการตั้งด่านตรวจ รวมถึงรายละเอียดการตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะในแต่ละด่าน รายละเอียดและขั้นตอนการใช้งานมีดังนี้:
การเข้าสู่เมนูปิดล้อมตั้งด่าน
1. หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าสู่ระบบ Application Police 4.0 เรียบร้อยแล้ว ให้เลือกเมนู "ปิดล้อมตั้งด่าน"
การเพิ่มข้อมูลการตั้งด่าน
2. ในหน้าจอเมนู "ปิดล้อมตั้งด่าน" ให้กดปุ่ม "+" เพื่อเพิ่มข้อมูลการตั้งด่านใหม่
การกรอกรายละเอียดการตั้งด่าน
3. การตั้งค่าการใช้งานการตั้งจุดตรวจ
เจ้าหน้าที่ที่เป็นหัวหน้าชุดจะต้องเป็นผู้เพิ่มข้อมูลการตั้งด่าน
กดที่ปุ่มเปิดหรือปิดเพื่อเริ่มต้นการตั้งค่าการใช้งานจุดตรวจ
4. การระบุข้อมูลเวลาและสถานที่
ระบุเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดการตั้งด่าน
เลือกประเภทจุดตรวจที่ต้องการ โดยมี 5 ประเภท ได้แก่
ด่านตรวจ
จุดตรวจมั่นคง
จุดตรวจสัมพันธ์
จุดสกัด
ปิดล้อมตรวจค้น
5. การกรอกรายละเอียดสถานที่
ระบุจังหวัด, เขต/อำเภอ, แขวง/ตำบล
กรอกข้อมูลสถานที่ตั้งจุดตรวจอย่างละเอียด
6. การบันทึกผลการจับกุมและตรวจค้น
สามารถเพิ่มรายการตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะได้โดยให้เจ้าหน้าที่ที่อยู่ประจำชุดเข้ามาเพิ่มข้อมูล
กรอกรายละเอียดผลการจับกุม เช่น ชื่อบุคคล, ข้อมูลยานพาหนะ, รายละเอียดการตรวจค้น ฯลฯ
การเพิ่มข้อมูลบุคคลและยานพาหนะ
7. การเพิ่มข้อมูลบุคคล
กดที่ปุ่มเพื่อเพิ่มข้อมูลบุคคล
กรอกข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ, นามสกุล, ที่อยู่, เลขบัตรประชาชน (หากไม่ทราบเลขบัตรให้กดที่ปุ่ม "ไม่ทราบ")
กรอกที่อยู่บ้านเลขที่, หมู่, ซอย, ถนน, จังหวัด, เขต/อำเภอ, แขวง/ตำบล
สามารถเพิ่มรูปภาพได้สูงสุด 5 รูป
8. การเพิ่มข้อมูลยานพาหนะ
กดที่ปุ่มเพื่อเพิ่มข้อมูลยานพาหนะ
กรอกข้อมูลยานพาหนะ เช่น ประเภทรถ, ผู้ขับ, ทะเบียน, จังหวัด, ยี่ห้อ, รุ่น, สี, เลขเครื่อง, เลขถัง, ตำหนิพิเศษ
กรณีที่พาหนะมีการกระทำผิด (เช่น รถแต่ง รถผิดกฎหมาย) สามารถทำการยึดรถได้โดยกดปุ่ม "ตรวจยึดรถ" และกรอกเลข ปจว.
สามารถตรวจสอบข้อมูลรถว่าเป็นรถที่มีประวัติการแจ้งหายหรือรถที่มีการบันทึกยึดรถผ่าน Application Police 4.0 ได้
สามารถเพิ่มรูปภาพเพิ่มเติมได้ ทั้งจากการถ่ายภาพและการเลือกรูปภาพจากคลัง
การบันทึกข้อมูล
9. การบันทึกข้อมูล
เมื่อกรอกรายละเอียดครบถ้วนแล้ว ให้กดปุ่ม "ตกลง" เพื่อบันทึกข้อมูล
ระบบจะมีการแจ้งเตือนเพื่อยืนยันการบันทึกข้อมูล ให้กดปุ่ม "ตกลง"
การตรวจสอบและดูรายละเอียดข้อมูลการตั้งด่าน
การตรวจสอบและดูรายละเอียด
10. เจ้าหน้าที่สามารถดูรายการตั้งด่านที่บันทึกไว้ได้ในเมนู "ปิดล้อมตั้งด่าน"
หากต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติม ให้กดที่รายการตั้งด่านที่ต้องการ ระบบจะแสดงรายละเอียดทั้งหมดที่ได้บันทึกไว้
สามารถแก้ไขข้อมูลการตั้งด่านได้โดยการกดปุ่ม "แก้ไข"
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและรายละเอียดการตรวจค้นก่อนการบันทึก เพื่อให้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือและสามารถใช้งานได้จริง
หากมีปัญหาในการใช้งานเมนูปิดล้อมตั้งด่าน เช่น ไม่สามารถบันทึกข้อมูลได้หรือมีปัญหาในการเพิ่มข้อมูลบุคคลและยานพาหนะ เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อแอดมินของบริษัทเพื่อขอความช่วยเหลือ
การบันทึกข้อมูลการตั้งด่านและการตรวจค้นอย่างครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ. |
เมนูตรวจค้นบุคคล/ยานพาหนะ
เมนูตรวจค้นบุคคล/ยานพาหนะใน Application Police 4.0 ออกแบบมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถบันทึกข้อมูลการตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะในแต่ละครั้งที่ออกปฏิบัติงาน โดยแบ่งออกเป็น 4 หัวข้อใหญ่ในการบันทึกข้อมูล ได้แก่ การลงบันทึกข้อมูลการตรวจค้น, การลงบันทึกข้อมูลผู้ต้องสงสัย, การลงบันทึกข้อมูลยานพาหนะ และการลงบันทึกข้อมูลทรัพย์สิน รายละเอียดและขั้นตอนการใช้งานมีดังนี้:
การเข้าสู่เมนูตรวจค้นบุคคล/ยานพาหนะ
1. หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าสู่ระบบ Application Police 4.0 เรียบร้อยแล้ว ให้เลือกเมนู "ตรวจค้นบุคคล/ยานพาหนะ"
การลงบันทึกข้อมูลการตรวจค้น
2. การลงบันทึกข้อมูลการตรวจค้น
กดปุ่ม "+" เพื่อเพิ่มการตรวจค้นใหม่
ระบุรายละเอียดข้อมูล เช่น สถานที่จุดตรวจ (ระบบจะแสดงพิกัด GPS ปัจจุบัน แต่สามารถแก้ไขได้), ฐานความผิดของบุคคล และบันทึกผลการปฏิบัติงาน
สามารถเพิ่มข้อมูลผู้ต้องสงสัย, ข้อมูลยานพาหนะ, และข้อมูลทรัพย์สินได้
การลงบันทึกข้อมูลผู้ต้องสงสัย
3. การลงบันทึกข้อมูลผู้ต้องสงสัย
กดปุ่ม "+" เพื่อเพิ่มข้อมูลผู้ต้องสงสัยใหม่
ระบุข้อมูลของผู้ต้องสงสัย เช่น ชื่อ, ที่อยู่, ตำหนิรูปพรรณ, ภูมิลำเนา, การศึกษา, ข้อมูลคู่สมรส, ข้อมูลพฤติกรรม, และข้อมูลบุตร (ถ้ามี)
สามารถบันทึกภาพถ่ายของผู้ต้องสงสัยได้
การลงบันทึกข้อมูลยานพาหนะ
4. การลงบันทึกข้อมูลยานพาหนะ
กดปุ่ม "+" เพื่อเพิ่มข้อมูลยานพาหนะใหม่
ระบุข้อมูลยานพาหนะ เช่น ประเภทรถ, ผู้ขับ, ทะเบียน, จังหวัด, ยี่ห้อ, รุ่น, สี, เลขเครื่อง, เลขถัง, ตำหนิพิเศษ
กรณีที่ยานพาหนะมีการกระทำผิด สามารถทำการยึดรถได้ โดยกดปุ่ม "ตรวจยึดรถ" และกรอกเลข ปจว.
สามารถบันทึกภาพถ่ายของยานพาหนะได้
การลงบันทึกข้อมูลทรัพย์สิน
5. การลงบันทึกข้อมูลทรัพย์สิน
กดปุ่ม "+" เพื่อเพิ่มข้อมูลทรัพย์สินใหม่
ระบุรายละเอียดข้อมูลทรัพย์สินของบุคคลผู้ต้องสงสัย เช่น ชื่อทรัพย์สิน, ประเภททรัพย์สิน, รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับทรัพย์สิน
สามารถบันทึกภาพถ่ายของทรัพย์สินได้
การบันทึกข้อมูล
6. การบันทึกข้อมูล
เมื่อกรอกรายละเอียดครบถ้วนแล้ว ให้กดปุ่ม "บันทึก"
ระบบจะมีแจ้งเตือนเพื่อยืนยันการบันทึกข้อมูล ให้กดปุ่ม "ตกลง"
ข้อมูลที่บันทึกจะถูกจัดเก็บในฐานข้อมูลและสามารถเข้าดูรายละเอียดได้
การตรวจสอบและดูรายละเอียดข้อมูลการตรวจค้น
7. การตรวจสอบและดูรายละเอียด
เจ้าหน้าที่สามารถดูรายการการตรวจค้นที่บันทึกไว้ได้ในเมนู "ตรวจค้นบุคคล/ยานพาหนะ"
หากต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติม ให้กดที่รายการการตรวจค้นที่ต้องการ ระบบจะแสดงรายละเอียดทั้งหมดที่ได้บันทึกไว้
สามารถแก้ไขข้อมูลการตรวจค้นได้โดยการกดปุ่ม "แก้ไข"
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนการบันทึก เพื่อให้ข้อมูลมีความน่าเชื่อถือและสามารถใช้งานได้จริง
หากมีปัญหาในการใช้งานเมนูตรวจค้นบุคคล/ยานพาหนะ เช่น ไม่สามารถบันทึกข้อมูลได้หรือมีปัญหาในการระบุพิกัด เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อแอดมินของบริษัทเพื่อขอความช่วยเหลือ
การบันทึกข้อมูลการตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะอย่างครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ. |
เมนู Meeting
เมนู Meeting ใน Application Police 4.0 ถูกออกแบบมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถบันทึกข้อมูลการเข้าร่วมประชุม โดยจะต้องทำการสร้าง QR code ใน Web Police 4.0 เพื่อใช้สำหรับการยืนยันการเข้าร่วมประชุม รายละเอียดและขั้นตอนการใช้งานมีดังนี้:
การสร้าง QR Code สำหรับการประชุมใน Web Police 4.0
1. การสร้าง QR Code
ไปที่ Web Police 4.0 และเลือกหัวข้อ "แผนงาน"
กดเลือกเมนู "แผนปฏิบัติงาน" จากนั้นกดปุ่ม "เพิ่ม"
ระบบจะแสดงหน้าการเพิ่มข้อมูลแผนปฏิบัติงาน
2. การกรอกข้อมูลแผนปฏิบัติงาน
เลือกประเภทแผน
กรอกชื่อเรื่องและรายละเอียดแผนงาน
หากมีไฟล์เอกสารที่เกี่ยวข้องกับการประชุม สามารถเพิ่มได้โดยกดปุ่ม "upload file"
เลือกวันที่เริ่มต้นและวันที่สิ้นสุดของแผนงาน
ระบุตำแหน่งพิกัดของสถานที่จัดประชุมแผนงาน
3. การบันทึกข้อมูลและสร้าง QR Code
หลังจากกรอกข้อมูลครบถ้วนแล้ว ให้กดปุ่ม "บันทึกข้อมูล"
ระบบจะทำการสร้าง QR Code ขึ้นมา
เจ้าหน้าที่สามารถดาวน์โหลด QR Code และนำไปติดบริเวณสถานที่จัดประชุม
การเข้าร่วมประชุมใน Application Police 4.0
4. การสแกน QR Code
เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าสู่สถานที่ประชุม ให้เปิด Application Police 4.0 และเข้าสู่เมนู "Meeting"
ทำการสแกน QR Code ที่ติดไว้บริเวณสถานที่จัดประชุม
หลังจากสแกน QR Code ระบบจะแสดงหน้าการยืนยันการเข้าร่วมประชุม
5. การถ่ายรูปการเข้าร่วมประชุม
ถ่ายรูปการเข้าร่วมประชุมเพื่อยืนยันการเข้าร่วม
หากไม่สามารถสแกน QR Code ได้ ให้ตรวจสอบข้อมูลการตั้งค่าแผนงานใน Web Police 4.0 หรือสถานที่ตั้งพิกัดที่ตั้งค่าไว้ว่าถูกต้องหรือไม่
การตรวจสอบและดูรายละเอียดการประชุม
6. การตรวจสอบและดูรายละเอียด
เจ้าหน้าที่สามารถดูรายการประชุมที่เข้าร่วมได้ในเมนู "Meeting"
หากต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติม ให้กดที่รายการประชุมที่ต้องการ ระบบจะแสดงรายละเอียดทั้งหมดที่ได้บันทึกไว้
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและ QR Code ก่อนการประชุมเพื่อให้การสแกนและการยืนยันการเข้าร่วมเป็นไปอย่างราบรื่น
หากมีปัญหาในการใช้งานเมนู Meeting เช่น ไม่สามารถสแกน QR Code ได้หรือไม่สามารถบันทึกข้อมูลการประชุมได้ เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อแอดมินของบริษัทเพื่อขอความช่วยเหลือ
การบันทึกข้อมูลการเข้าร่วมประชุมอย่างครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ.
เมนู CCTV Mapping
เมนู CCTV Mapping ใน Application Police 4.0 ถูกออกแบบมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถเพิ่มข้อมูลสถานที่ติดตั้งกล้อง CCTV และดูรายละเอียดการติดตั้งกล้อง CCTV ของแต่ละหน่วยงาน รายละเอียดและขั้นตอนการใช้งานมีดังนี้:
การเพิ่มข้อมูลสถานที่ติดตั้งกล้อง CCTV
1. การเข้าสู่เมนู CCTV Mapping
หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าสู่ระบบ Application Police 4.0 เรียบร้อยแล้ว ให้เลือกเมนู "CCTV Mapping"
2. การเพิ่มข้อมูลกล้อง CCTV
กดปุ่ม "+" เพื่อเพิ่มข้อมูลสถานที่ติดตั้งกล้อง CCTV ใหม่
ระบบจะแสดงหน้าจอการเพิ่มข้อมูลกล้อง CCTV
3. การกรอกรายละเอียดการติดตั้งกล้อง CCTV
ตำแหน่ง GPS: ระบบจะแสดงตำแหน่ง GPS ปัจจุบันโดยอัตโนมัติ แต่สามารถแก้ไขตำแหน่งได้หากจำเป็น
ชื่อสถานที่: ระบุชื่อสถานที่ที่ติดตั้งกล้อง CCTV
มุมกล้องและยี่ห้อ: ระบุรายละเอียดมุมกล้องและยี่ห้อของกล้องที่ติดตั้ง
สถานะการใช้งาน: ระบุสถานะการใช้งานของกล้อง CCTV เช่น ใช้งานได้ปกติ, อยู่ระหว่างซ่อมแซม ฯลฯ
ข้อมูลฝ่ายเทคนิค: ระบุข้อมูลของฝ่ายเทคนิคที่ดูแลกล้อง เช่น ชื่อบริษัท, เบอร์โทรติดต่อ
4. การบันทึกภาพกล้อง CCTV
กดไอคอน "กล้องถ่ายรูป" เพื่อเพิ่มรูปภาพตัวกล้องที่ติดตั้ง ณ สถานที่นั้น และมุมกล้องที่ได้ทำการติดตั้ง
5. การบันทึกข้อมูล
เมื่อกรอกรายละเอียดครบถ้วนแล้ว ให้กดปุ่ม "บันทึก"
ระบบจะมีแจ้งเตือนเพื่อยืนยันการบันทึกข้อมูล ให้กดปุ่ม "ตกลง"
ข้อมูลที่บันทึกจะปรากฏในรายการ CCTV Mapping และสามารถเข้าดูรายละเอียดได้
การตรวจสอบและดูรายละเอียดข้อมูลกล้อง CCTV
6. การตรวจสอบและดูรายละเอียด
เจ้าหน้าที่สามารถดูรายการกล้อง CCTV ที่บันทึกไว้ได้ในเมนู "CCTV Mapping"
หากต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติม ให้กดที่รายการกล้อง CCTV ที่ต้องการ ระบบจะแสดงรายละเอียดทั้งหมดที่ได้บันทึกไว้
การค้นหาข้อมูลกล้อง CCTV
7. การค้นหาข้อมูลกล้อง CCTV
เจ้าหน้าที่สามารถค้นหาข้อมูลกล้อง CCTV ของแต่ละหน่วยงานที่มีการติดตั้งไว้ตามตำแหน่งต่าง ๆ ได้
เลือกจังหวัดที่ต้องการดูกล้อง CCTV Mapping
เลือก สภ. ที่ต้องการดูกล้อง CCTV Mapping
กดปุ่ม "ค้นหา"
8. การดูรายละเอียดกล้อง CCTV บนแผนที่
ระบบจะแสดงรายการกล้องทั้งหมดของแต่ละหน่วยงานที่ค้นหา |
โดยจะแสดงรายละเอียดจำนวนกล้องทั้งหมดและประเภทหน่วยงาน
กดปุ่ม "แผนที่" เพื่อดูแผนที่กล้อง CCTV ว่าอยู่ตำแหน่งใดบ้าง
ในแผนที่จะแสดงเป็นหมุดปักตามที่ได้เพิ่มข้อมูลกล้องที่เมนู CCTV Mapping หากต้องการดูข้อมูลกล้องแต่ละจุดที่แสดงบนแผนที่ สามารถกดที่หมุดได้
เมื่อกดหมุดที่ปัก ระบบจะแสดงข้อมูล ชื่อสถานที่ วันเวลาที่อัพเดตกล้อง เบอร์โทรติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ติดตั้งกล้อง
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ควรตรวจสอบความถูกต้องของพิกัด GPS และรายละเอียดที่อยู่ก่อนบันทึกข้อมูล เพื่อให้การบันทึกข้อมูลมีความถูกต้องและสามารถใช้งานได้จริง
หากมีปัญหาในการใช้งานเมนู CCTV Mapping เช่น ไม่สามารถบันทึกข้อมูลได้หรือมีปัญหาในการค้นหาข้อมูล เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อแอดมินของบริษัทเพื่อขอความช่วยเหลือ
การบันทึกข้อมูลสถานที่ติดตั้งกล้อง CCTV อย่างครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ. |
เมนูจุดคัดกรอง
เมนูจุดคัดกรองใน Application Police 4.0 ถูกออกแบบมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถสร้างและบันทึกข้อมูลจุดคัดกรองสำหรับการรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น สถานการณ์โควิด-19 รายละเอียดและขั้นตอนการใช้งานมีดังนี้:
การเข้าสู่เมนูจุดคัดกรอง
1. หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าสู่ระบบ Application Police 4.0 เรียบร้อยแล้ว ให้เลือกเมนู "จุดคัดกรอง"
การเพิ่มรายการจุดคัดกรอง
2. การเพิ่มจุดคัดกรอง
กดปุ่ม "+" เพื่อเพิ่มรายการจุดคัดกรองใหม่
ระบบจะแสดงหน้าจอบันทึกข้อมูลจุดคัดกรอง
การกรอกรายละเอียดจุดคัดกรอง
3. การตั้งค่าการใช้งานจุดคัดกรอง
เปิด/ปิดการใช้งานจุดคัดกรอง: กดปุ่มเพื่อเปิดหรือปิดการใช้งานจุดคัดกรอง
ระบุเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุด: ระบุเวลาที่ต้องการเปิดใช้งานและเวลาที่ต้องการสิ้นสุดการใช้งานจุดคัดกรอง
4. การระบุสถานที่ตั้งจุดคัดกรอง
ละติจูดและลองจิจูด: ระบบจะแสดงตำแหน่ง GPS ปัจจุบันโดยอัตโนมัติ แต่สามารถแก้ไขตำแหน่งได้หากจำเป็น
รายละเอียดที่อยู่: กรอกข้อมูลที่อยู่ของจุดคัดกรองอย่างละเอียด
5. การบันทึกข้อมูลจุดคัดกรอง
เมื่อกรอกรายละเอียดครบถ้วนแล้ว ให้กดปุ่ม "บันทึก"
ระบบจะมีแจ้งเตือนเพื่อยืนยันการบันทึกข้อมูล ให้กดปุ่ม "ตกลง"
ข้อมูลที่บันทึกจะปรากฏในรายการจุดคัดกรอง และสามารถเข้าดูรายละเอียดได้
การเพิ่มข้อมูลบุคคลในจุดคัดกรอง
6. การเพิ่มข้อมูลบุคคล
หากพบผู้ที่มีความเสี่ยง สามารถเพิ่มข้อมูลบุคคลได้โดยกดปุ่ม "+" ในหน้าจอข้อมูลจุดคัดกรอง
กรอกข้อมูลบุคคล เช่น ชื่อ, อายุ, ที่อยู่, เบอร์โทรศัพท์ ฯลฯ
กดปุ่ม "บันทึก" เพื่อบันทึกข้อมูลบุคคล
ระบบจะมีแจ้งเตือนเพื่อยืนยันการบันทึกข้อมูล ให้กดปุ่ม "ตกลง"
ข้อมูลที่บันทึกจะปรากฏในรายการบุคคลที่จุดคัดกรอง และสามารถเข้าดูรายละเอียดได้
การตรวจสอบและดูรายละเอียดข้อมูลจุดคัดกรอง
7. การตรวจสอบและดูรายละเอียด
เจ้าหน้าที่สามารถดูรายการจุดคัดกรองที่บันทึกไว้ได้ในเมนู "จุดคัดกรอง"
หากต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติม ให้กดที่รายการจุดคัดกรองที่ต้องการ ระบบจะแสดงรายละเอียดทั้งหมดที่ได้บันทึกไว้
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ควรตรวจสอบความถูกต้องของพิกัด GPS และรายละเอียดที่อยู่ก่อนบันทึกข้อมูล เพื่อให้การบันทึกข้อมูลมีความถูกต้องและสามารถใช้งานได้จริง
หากมีปัญหาในการใช้งานเมนูจุดคัดกรอง เช่น ไม่สามารถบันทึกข้อมูลได้หรือมีปัญหาในการเพิ่มข้อมูลบุคคล เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อแอดมินของบริษัทเพื่อขอความช่วยเหลือ
การบันทึกข้อมูลจุดคัดกรองและข้อมูลบุคคลอย่างครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ. |
เมนูสำรวจสิ่งแวดล้อม
เมนูสำรวจสิ่งแวดล้อมใน Application Police 4.0 ถูกออกแบบมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ที่ปฏิบัติงาน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการวิเคราะห์และวางแผนการป้องกันอาชญากรรม รายละเอียดและขั้นตอนการใช้งานมีดังนี้:
การเข้าสู่เมนูสำรวจสิ่งแวดล้อม
1. หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าสู่ระบบ Application Police 4.0 เรียบร้อยแล้ว ให้เลือกเมนู "สำรวจสิ่งแวดล้อม"
การเพิ่มรายการสำรวจสิ่งแวดล้อม
2. การเพิ่มรายการสำรวจสิ่งแวดล้อม
กดปุ่ม "+" เพื่อเพิ่มรายการสำรวจสิ่งแวดล้อมใหม่
ระบบจะแสดงหน้าจอบันทึกข้อมูลสำรวจสิ่งแวดล้อม
การกรอกรายละเอียดสำรวจสิ่งแวดล้อม
3. การกรอกรายละเอียด
ชื่อสถานที่: ระบุชื่อสถานที่ที่ต้องการสำรวจ
ประเภทสถานที่: ระบุประเภทสถานที่ เช่น ร้านสะดวกซื้อ, ร้านขายของชำ, ธนาคาร, ตู้ ATM, สถานที่เปลี่ยว, ลานจอดรถ, สวนสาธารณะ, โรงเรียน, โรงพยาบาล, สถานีขนส่ง, ท่ารถ, ท่าเรือ, ตลาด, แหล่งชุมชน, สถานบันเทิง, สถานที่ท่องเที่ยว ฯลฯ
รายละเอียดที่อยู่: กรอกข้อมูลที่อยู่ของสถานที่อย่างละเอียด เช่น บ้านเลขที่, หมู่, ซอย, ถนน, จังหวัด, เขต/อำเภอ, แขวง/ตำบล
พิกัด GPS: ระบบจะแสดงพิกัด GPS ปัจจุบันโดยอัตโนมัติ แต่สามารถแก้ไขตำแหน่งได้หากจำเป็น
สถานการณ์ปฏิบัติงาน: ระบุสถานการณ์ปฏิบัติงานในพื้นที่ เช่น สภาพการจราจร, สภาพแวดล้อมทั่วไป ฯลฯ
รายละเอียดเพิ่มเติม: ระบุรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานที่หรือสถานการณ์ที่พบ
4. การบันทึกภาพสถานที่
กดไอคอน "กล้องถ่ายรูป" เพื่อเพิ่มรูปภาพสถานที่ที่สำรวจ สามารถถ่ายภาพหรืออัปโหลดรูปภาพได้
การบันทึกข้อมูล
5. การบันทึกข้อมูล
เมื่อกรอกรายละเอียดครบถ้วนแล้ว ให้กดปุ่ม "บันทึก"
ระบบจะมีแจ้งเตือนเพื่อยืนยันการบันทึกข้อมูล ให้กดปุ่ม "ตกลง"
ข้อมูลที่บันทึกจะปรากฏในรายการสำรวจสิ่งแวดล้อม และสามารถเข้าดูรายละเอียดได้
การตรวจสอบและดูรายละเอียดข้อมูลสำรวจสิ่งแวดล้อม
6. การตรวจสอบและดูรายละเอียด
เจ้าหน้าที่สามารถดูรายการสำรวจสิ่งแวดล้อมที่บันทึกไว้ได้ในเมนู "สำรวจสิ่งแวดล้อม"
หากต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติม ให้กดที่รายการสำรวจสิ่งแวดล้อมที่ต้องการ ระบบจะแสดงรายละเอียดทั้งหมดที่ได้บันทึกไว้
ประโยชน์ของข้อมูลสำรวจสิ่งแวดล้อม
วิเคราะห์รูปแบบและลักษณะของอาชญากรรม: ข้อมูลสำรวจสิ่งแวดล้อมช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม เช่น สถานที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดอาชญากรรมสูง
วางแผนป้องกันอาชญากรรม: ข้อมูลที่ได้จากการสำรวจสิ่งแวดล้อมช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถวางแผนป้องกันอาชญากรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการจัดสรรทรัพยากร เช่น กำลังพล, ยานพาหนะ, อุปกรณ์ ไปยังพื้นที่เสี่ยง
ติดตามผลการดำเนินงาน: ข้อมูลสำรวจสิ่งแวดล้อมช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามผลการดำเนินงานด้านการป้องกันอาชญากรรมได้ว่ามีประสิทธิภาพหรือไม่ และสามารถปรับปรุงแผนการปฏิบัติงานได้ตามสถานการณ์
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ควรตรวจสอบความถูกต้องของพิกัด GPS และรายละเอียดที่อยู่ก่อนบันทึกข้อมูล เพื่อให้การบันทึกข้อมูลมีความถูกต้องและสามารถใช้งานได้จริง
หากมีปัญหาในการใช้งานเมนูสำรวจสิ่งแวดล้อม เช่น ไม่สามารถบันทึกข้อมูลได้หรือมีปัญหาในการเพิ่มรูปภาพ เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อแอดมินของบริษัทเพื่อขอความช่วยเหลือ
การบันทึกข้อมูลสำรวจสิ่งแวดล้อมอย่างครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ. |
เมนูคืนรถ
เมนูคืนรถใน Application Police 4.0 ถูกออกแบบมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการคืนรถที่ถูกยึดมา โดยการยึดรถจะถูกบันทึกข้อมูลไว้ที่เมนู "ปิดล้อมตั้งด่าน" และ "ตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะ" รายละเอียดและขั้นตอนการใช้งานมีดังนี้:
การเข้าสู่เมนูคืนรถ
1. หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าสู่ระบบ Application Police 4.0 เรียบร้อยแล้ว ให้เลือกเมนู "คืนรถ"
การค้นหาข้อมูลรถที่ถูกยึด
2. การค้นหาข้อมูลรถ
ระบบจะแสดงหน้าจอการค้นหาข้อมูลรถที่ถูกยึด
เจ้าหน้าที่สามารถค้นหาข้อมูลรถได้โดยกรอกข้อมูลต่อไปนี้:
เลขทะเบียน
จังหวัด
เลขเครื่อง
เลขถัง
3. การเลือกข้อมูลรถที่ต้องการคืน
หลังจากกรอกข้อมูลการค้นหาแล้ว ให้กดปุ่ม "ค้นหา"
ระบบจะแสดงรายการรถที่ถูกยึดมาตามข้อมูลที่ค้นหา
เจ้าหน้าที่สามารถกดเลือกรายการรถที่ต้องการคืนได้
การตรวจสอบและยืนยันข้อมูลการคืนรถ
4. การตรวจสอบรายละเอียดรถที่ถูกยึด
ระบบจะแสดงหน้ารายละเอียดของรายการรถที่เลือก
ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อมูลรายละเอียดรถ เช่น เลขทะเบียน, ยี่ห้อ, รุ่น, สี, เลขเครื่อง, เลขถัง, ตำหนิพิเศษ ฯลฯ
5. การยืนยันการคืนรถ
หากข้อมูลที่แสดงถูกต้องและครบถ้วน ให้เจ้าหน้าที่กดปุ่ม "คืนรถ" เพื่อดำเนินการคืนรถ
ระบบจะมีแจ้งเตือนเพื่อยืนยันการคืนรถ ให้กดปุ่ม "ตกลง" เพื่อยืนยันการคืนรถ
การตรวจสอบและดูรายละเอียดการคืนรถ
6. การตรวจสอบและดูรายละเอียด
เจ้าหน้าที่สามารถดูรายการรถที่คืนแล้วได้ในเมนู "คืนรถ"
หากต้องการดูรายละเอียดเพิ่มเติม ให้กดที่รายการรถที่ต้องการ ระบบจะแสดงรายละเอียดทั้งหมดที่ได้บันทึกไว้
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลรายละเอียดรถก่อนการยืนยันการคืนรถ เพื่อให้การคืนรถเป็นไปอย่างถูกต้องและครบถ้วน
หากมีปัญหาในการใช้งานเมนูคืนรถ เช่น ไม่สามารถค้นหาข้อมูลรถได้หรือมีปัญหาในการคืนรถ เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อแอดมินของบริษัทเพื่อขอความช่วยเหลือ
การดำเนินการคืนรถอย่างครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ. |
เมนูฝากบ้าน
เมนูฝากบ้านใน Application Police 4.0 ออกแบบมาเพื่อให้ประชาชนสามารถแจ้งความประสงค์ขอฝากบ้านไว้กับตำรวจได้ง่ายๆ ผ่านสมาร์ทโฟน โดยไม่ต้องไปติดต่อที่สถานีตำรวจ รายละเอียดและขั้นตอนการใช้งานมีดังนี้:
การแจ้งความประสงค์ขอฝากบ้าน
1. การแจ้งความประสงค์
ประชาชนสามารถส่งข้อมูลการฝากบ้านผ่าน Application BGS-I-Service
ระบบจะแจ้งเตือนไปยัง Application Police 4.0 ของหน่วยงานที่ประชาชนเลือก
2. การตรวจสอบสิทธิ์ในการดูรายละเอียด
เจ้าหน้าที่ที่จะสามารถดูรายละเอียดได้ต้องมีสิทธิ์ในเมนู "ฝากบ้าน" เท่านั้น
หากเจ้าหน้าที่ไม่มีเมนู "ฝากบ้าน" ให้ตรวจสอบสิทธิ์การใช้งานผ่าน Web Police 4.0
การดูรายละเอียดการฝากบ้าน
3. การดูรายการฝากบ้าน
เลือกเมนู "ฝากบ้าน" ใน Application Police 4.0
รายการฝากบ้านแบ่งออกเป็น 3 หัวข้อ:
ฝากบ้านของฉัน: เป็นรายการฝากบ้านที่เจ้าหน้าที่ท่านนั้นเป็นผู้รับผิดชอบ
ฝากบ้านระหว่างดำเนินการ: เป็นรายการฝากบ้านที่อยู่ระหว่างการดำเนินการทั้งหมด
ฝากบ้านที่ดำเนินการแล้ว: เป็นรายการฝากบ้านที่มีสถานะ “คืนบ้าน” หรือ “ปฏิเสธ”
4. การดูรายละเอียดการฝากบ้าน
กดที่รายการฝากบ้านที่ต้องการดูรายละเอียด
ระบบจะแสดงข้อมูลการฝากบ้าน เช่น รายละเอียดบ้าน, ตำแหน่งของบ้าน, รูปภาพบ้าน ฯลฯ
การรับเรื่องและตรวจสอบข้อมูลบ้าน
5. การรับเรื่อง
หากรายการฝากบ้านนั้นยังไม่ได้ดำเนินการรับเรื่อง เจ้าหน้าที่สามารถกดปุ่ม "รับเรื่อง"
รายการฝากบ้านหลังนั้นสถานะจะถูกเปลี่ยนเป็น “รับคำร้อง”
การลงพื้นที่ตรวจสอบ
6. เจ้าหน้าที่จะทำการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อมูลบ้านที่รับเรื่องมา
หากข้อมูลบ้านเป็นไปตามเงื่อนไขในการฝากบ้าน เจ้าหน้าที่จะเปลี่ยนสถานะเป็น “ตรวจสอบบ้าน/รับฝาก”
หากข้อมูลบ้านไม่เป็นไปตามเงื่อนไข เจ้าหน้าที่สามารถเปลี่ยนสถานะเป็น “ปฏิเสธ” พร้อมใส่หมายเหตุ
การสร้าง QR Code จุดฝากบ้าน
7. การสร้าง QR Code
ประสานงานกับทางแอดมินของหน่วยงานเพื่อให้สร้าง QR Code จุดฝากบ้าน
นำ QR Code มาติดที่บริเวณพื้นที่ของบ้านที่ต้องทำการตรวจ
การตรวจสอบบ้านตามวันที่ฝาก
8. การตรวจสอบบ้าน
เจ้าหน้าที่ทำการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบบ้านตามวันที่ฝาก
สแกน QR Code ที่ติดไว้บริเวณพื้นที่บ้านเพื่อบันทึกข้อมูลการตรวจ
หลังจากบันทึกข้อมูลการตรวจเรียบร้อยแล้ว ระบบจะมีการแจ้งเตือนไปยัง Application BGS-I-Service เพื่อให้ประชาชนสามารถดูข้อมูลการตรวจของเจ้าหน้าที่ได้
การคืนบ้าน
9. การคืนบ้าน
เมื่อครบตามจำนวนวันที่ประชาชนฝากบ้าน เจ้าหน้าที่จะเปลี่ยนสถานะเป็น “คืนบ้าน” เพื่อสิ้นสุดขั้นตอนการฝากบ้าน
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลและรายละเอียดการฝากบ้านก่อนการยืนยันการรับเรื่องและการตรวจสอบบ้าน เพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้องและครบถ้วน
หากมีปัญหาในการใช้งานเมนูฝากบ้าน เช่น ไม่สามารถดูรายละเอียดการฝากบ้านได้หรือมีปัญหาในการสร้าง QR Code เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อแอดมินของบริษัทเพื่อขอความช่วยเหลือ
การดำเนินการฝากบ้านอย่างครบถ้วนและถูกต้องจะช่วยให้ประชาชนมั่นใจในการฝากบ้านไว้กับตำรวจ และช่วยให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่มีความน่าเชื่อถือและสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ. |
เมนูข่าวสาร
เมนูข่าวสารใน Application Police 4.0 ถูกออกแบบมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามข่าวสารต่าง ๆ ที่สำคัญได้อย่างสะดวกและรวดเร็วผ่านแอปพลิเคชัน โดยข่าวสารที่แสดงในเมนูนี้จะถูกอัปเดตจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือบริษัทที่เกี่ยวข้อง รายละเอียดและขั้นตอนการใช้งานมีดังนี้:
การเข้าสู่เมนูข่าวสาร
1. หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าสู่ระบบ Application Police 4.0 เรียบร้อยแล้ว ให้เลือกเมนู "ข่าวสาร"
การดูข่าวสาร
2. การดูรายการข่าวสาร
ระบบจะแสดงรายการข่าวสารล่าสุดที่มีการอัปเดตจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือบริษัทที่เกี่ยวข้อง
เจ้าหน้าที่สามารถเลื่อนดูรายการข่าวสารได้ตามที่ต้องการ
การอ่านรายละเอียดข่าวสาร
3. การดูรายละเอียดข่าวสาร
กดที่รายการข่าวสารที่ต้องการอ่าน
ระบบจะแสดงหน้ารายละเอียดข่าวสาร โดยจะแสดงข้อมูลข่าวสารอย่างครบถ้วน เช่น หัวข้อข่าว, วันที่เผยแพร่, เนื้อหาข่าว, รูปภาพประกอบ (ถ้ามี)
เจ้าหน้าที่สามารถเลื่อนอ่านรายละเอียดข่าวสารได้ตามที่ต้องการ
การแจ้งเตือนข่าวสารใหม่
4. การแจ้งเตือนข่าวสารใหม่
เมื่อมีข่าวสารใหม่ถูกอัปเดตเข้ามาในระบบ เจ้าหน้าที่จะได้รับการแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน
กดที่การแจ้งเตือนเพื่อเข้าสู่เมนู "ข่าวสาร" และดูรายละเอียดข่าวสารใหม่ที่อัปเดต
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ควรตรวจสอบข่าวสารเป็นประจำเพื่อไม่พลาดข้อมูลข่าวสารที่สำคัญและอัปเดตล่าสุดจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือบริษัทที่เกี่ยวข้อง
หากมีปัญหาในการใช้งานเมนูข่าวสาร เช่น ไม่สามารถเปิดอ่านรายละเอียดข่าวสารได้หรือไม่สามารถแบ่งปันข่าวสารได้ เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อแอดมินของบริษัทเพื่อขอความช่วยเหลือ
การติดตามข่าวสารอย่างสม่ำเสมอและถูกต้องจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์และสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ. |
เมนู Profile
เมนู Profile ใน Application Police 4.0 ถูกออกแบบมาเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถดูและแก้ไขข้อมูลส่วนตัวของตนเองได้ รวมถึงการตั้งค่าบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานแอปพลิเคชัน รายละเอียดและขั้นตอนการใช้งานมีดังนี้:
การเข้าสู่เมนู Profile
1. หลังจากเจ้าหน้าที่เข้าสู่ระบบ Application Police 4.0 เรียบร้อยแล้ว ให้เลือกเมนู "ฉัน" แล้วเลือก "โปรไฟล์"
การดูข้อมูลส่วนตัว
2. การดูข้อมูลส่วนตัว
ระบบจะแสดงข้อมูลส่วนตัวของเจ้าหน้าที่ เช่น ชื่อ-สกุล, ตำแหน่ง, หน่วยงาน, เบอร์โทรศัพท์, อีเมล ฯลฯ
เจ้าหน้าที่สามารถเลื่อนดูรายละเอียดข้อมูลส่วนตัวได้
การแก้ไขข้อมูลส่วนตัว
3. การแก้ไขข้อมูลส่วนตัว
กดที่ปุ่ม "แก้ไข" เพื่อเข้าสู่หน้าจอการแก้ไขข้อมูลส่วนตัว
เจ้าหน้าที่สามารถแก้ไขข้อมูลต่าง ๆ เช่น เบอร์โทรศัพท์, อีเมล, ที่อยู่ ฯลฯ
หลังจากแก้ไขข้อมูลเรียบร้อยแล้ว ให้กดปุ่ม "บันทึก" เพื่อบันทึกการแก้ไขข้อมูล
การเปลี่ยนรหัสผ่าน
4. การเปลี่ยนรหัสผ่าน
ในเมนู Profile จะมีตัวเลือกสำหรับการเปลี่ยนรหัสผ่าน
กดที่ปุ่ม "เปลี่ยนรหัสผ่าน"
ระบบจะแสดงหน้าจอการเปลี่ยนรหัสผ่าน ให้เจ้าหน้าที่กรอกรหัสผ่านปัจจุบันและรหัสผ่านใหม่ที่ต้องการเปลี่ยน
กดปุ่ม "บันทึก" เพื่อยืนยันการเปลี่ยนรหัสผ่าน
การตั้งค่า PIN Code
5. การตั้งค่า PIN Code
เจ้าหน้าที่สามารถตั้งค่า PIN Code สำหรับการเข้าสู่ระบบในครั้งถัดไป เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว
กดที่ปุ่ม "ตั้งค่า PIN Code"
ระบบจะแสดงหน้าจอการตั้งค่า PIN Code ให้เจ้าหน้าที่กรอก PIN Code ที่ต้องการ (4 หรือ 6 หลัก) และยืนยัน PIN Code อีกครั้ง
กดปุ่ม "บันทึก" เพื่อยืนยันการตั้งค่า PIN Code
ข้อแนะนำเพิ่มเติม
ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนตัวและอัปเดตข้อมูลให้เป็นปัจจุบันเพื่อให้การติดต่อและการใช้งานแอปพลิเคชันเป็นไปอย่างราบรื่น
หากมีปัญหาในการใช้งานเมนู Profile เช่น ไม่สามารถแก้ไขข้อมูลส่วนตัวได้หรือไม่สามารถเปลี่ยนรหัสผ่านได้ เจ้าหน้าที่สามารถติดต่อแอดมินของบริษัทเพื่อขอความช่วยเหลือ
การดูแลและอัปเดตข้อมูลส่วนตัวในเมนู Profile อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสามารถตรวจสอบข้อมูลได้อย่างถูกต้อง. |